“ในขณะนี้ทุกคนได้รับคำสั่งห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้กับสื่อไหนทั้งสิ้น”
เป็นเรื่องที่น่าตกใจเมื่อ หยก-ธนลภย์ เยาวชนที่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดี ม.112 ถูกครูและรองผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกคุยหลังเลิกเรียน พร้อมระบุว่าจะคืนค่าเทอมและเน้นย้ำกับหยกว่า ในขณะนี้เธอถือเป็น ‘บุคคลภายนอก’ แต่ล่าสุด หยกยืนยันจะมาเรียนในวันนี้ (14 มิถุนายน) เพราะไม่ยอมรับการถูกไล่ออก
เมื่อวานนี้ (13 มิถุนายน) หยก-ธนลภย์ เล่าเรื่องราวดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเริ่มคาบเรียน มีครูคนหนึ่งเรียกเธอให้ไปพบ หยกจึงเข้าไปพบ ซึ่งในห้องมีรองผู้อำนวยการ 2 คน, ครูผู้ชาย 2 คน และครูประจำชั้น 2 คน รวมทั้งสิ้น 6 คน หลังจากนั้นครูถามหยกว่า “ไปทำอะไรมาถึงโดนตาม ทำไมถึงไม่ปลอดภัย” เพราะมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบจำนวนหนึ่งตรวจตราอยู่รอบโรงเรียน
อย่างไรก็ดี หยกขอให้ทางโรงเรียนโทรหาผู้ปกครองก่อนที่จะคุยกัน และเธอยังบันทึกเสียงการพูดคุยเอาไว้ โดยตั้งใจเก็บเสียงไว้ให้ผู้ปกครองได้รับฟังด้วย แต่ทางครูผู้ชายเห็นหยกอัดเสียงจึงต่อว่าเธอว่า “นี่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น” อย่างไรก็ตาม หยกระบุว่าไม่ได้ปิดบังว่าอัดเสียง
จากนั้นหยกทนแรงกดดันของครูไม่ไหวจึงขอออกจากห้อง แต่ครูห้ามและรุมขวางเอาไว้ จนเธอต้องมุดโต๊ะคลานหนีออกไป และหนึ่งในรองผู้อำนวยการจึงกล่าวออกมาว่า “จะคืนค่าเทอมให้ และจำไว้ว่าเธอคือบุคคลภายนอก”
ทั้งนี้ เพจ ‘นักเรียนเลว’ กล่าวว่า สถานศึกษาไม่มีสิทธิไล่ออกหรือจำหน่ายนักเรียนออก นอกเหนือจากเงื่อนไข 5 ข้อดังนี้
- นักเรียนย้ายสถานศึกษา
- นักเรียนถึงแก่กรรม
- นักเรียนหยุดเรียนติดต่อกันเป็นเวลานาน และไม่มีตัวตนอยู่ในพื้นที่
- นักเรียนอายุพ้นเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ
- นักเรียนเรียนจบการศึกษา
นอกจากนี้ องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ระบุว่า โรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ ฝึกฝน เคารพ และปกป้องสิทธิเด็ก ไม่เพียงเท่านี้ ยังควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง และตามประกาศของ ศธ. ที่ 12045/13629 ได้ออกมายืนยันในสิทธิดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ การไล่นักเรียนออกจากโรงเรียน จึงเป็นการผลักให้เด็กเผชิญกับความเสี่ยง โดยปราศจากการคุ้มครองสิทธิอันเป็นหน้าที่พึงกระทำของสถานศึกษา
อย่างไรก็ตาม ทางผู้สื่อข่าว The MATTER โทรสอบถามโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนแจ้งกลับมาว่า “ไม่สามารถให้ข้อมูลได้” อย่างไรก็ดี เราถามย้ำว่า แล้วใครที่จะให้ข้อมูลในส่วนนี้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า “ในขณะนี้ทุกคนได้รับคำสั่งห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้กับสื่อไหนทั้งสิ้น”
อ้างอิงจาก