เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2566 องค์กรสหประชาชาติ หรือ UN เผยแพร่เอกสาร 2 ฉบับสู่สาธารณะ ได้แก่ จดหมายของผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุม และคณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการถึงรัฐบาลไทย (AL THA 2/2023) รวมถึงจดหมายตอบรับจากรัฐบาล เผยความกังวลถึงการควบคุมตัว ‘หยก’ เยาวชนวัย 15 ปีที่ถูกดำเนินคดี ม.112
ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2566 หยก ได้อนุญาตให้ยื่นคำร้องเร่งด่วนถึงคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ หรือ UN WGAD ระบุว่าเธอถูกดำเนินคดี ม.112 และถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเยาวชนหญิงบ้านปราณี ก่อนถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 18 พ.ค. รวมระยะเวลาควมคุมตัว 51 วัน
ในจดหมายดังกล่าวจาก UN WGAD เรียกร้องให้รัฐไทยชี้แจงข้อมูลในคดีดังกล่าว และแสดงความกังวลว่า ไม่มีบุคคลใดควรถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ หรือการแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยหากข้อกล่าวหาตามคำร้องเร่งด่วนได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง การดำเนินการของรัฐนับว่าขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะข้อ 19 (สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก) และข้อ 21 (สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ) ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งไทยลงนามเมื่อ 29 ต.ค. 2539
จดหมายดังกล่าวยังเรียกร้องให้ทบทวนกฎหมาย ม.112 โดยระบุว่า กฎหมายหมิ่นประมาททั่วไปและกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ควรได้รับการบัญญัติขึ้นด้วยความระมัดระวัง เพื่อความสอดคล้องกับ ICCPR ข้อ 19 (3) และกฎหมายเหล่านี้จะต้องไม่ถูกใช้เพื่อลิดรอนเสรีภาพในการแสดงออก
นอกจากนี้ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้กำลังเกินกว่าเหตุโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการสืบสวน หยก ในวันที่ 28 มี.ค. 2566
ในจดหมายฉบับดังกล่าวยังขอให้รัฐบาลไทยตอบรับหนังสือข้อเสนอแนะฉบับนี้ภายใน 60 วัน โดยต้องชี้แจงข้อสังเกตในประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
- โปรดชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม และ/หรือข้อคิดเห็นที่อาจมีเกี่ยวกับข้อกล่าวหาข้างต้น
- โปรดชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับคดีอาญาต่อหยก และอธิบายว่าการดำเนินคดีดังกล่าว สอดคล้องกับข้อ 9, 14, 19 และ 21 ของ ICCPR อย่างไร หากไม่มีฐานทางกฎหมายดังกล่าว ขอให้โปรดชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับวันที่จะปล่อยตัวเธอ
- โปรดอธิบายว่ารัฐไทยมีมาตรการอย่างไรบ้าง เพื่อปฏิบัติตามข้อเสนอแนะโดยกลไกพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อนึ่ง ทั้งสองกลไกได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปรับปรุงให้กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก และชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนที่ได้ดำเนินการเพื่อปรับปรุงให้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน
ระหว่างรอการตอบรับ ผู้รายงานพิเศษและคณะทำงานแห่งสหประชาชาติได้ร้องขอให้รัฐไทยใช้มาตรการชั่วคราวอันจำเป็นในรูปแบบใดก็ตาม เพื่อหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่มีการกล่าวหาขึ้น และป้องกันไม่ให้การละเมิดนั้นเกิดขึ้นอีกในอนาคต และหากการสืบสวนพบว่ามีหลักฐานสนับสนุนหรือพบข้อมูลซึ่งบ่งชี้ว่าข้อกล่าวหาในคำร้องเร่งด่วนเป็นเรื่องจริง ขอให้มีการรับประกันว่าบุคคลใดที่รับผิดชอบจะต้องได้รับผิดจากการละเมิดนี้
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2566 สุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ณ นครเจนีวา ได้มีจดหมายตอบรับ ระบุว่า ได้รับหนังสือข้อเสนอแนะฉบับนี้แล้ว และจะส่งต่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา โดยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีจะถูกส่งถึงคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (UN WGAD) ในเวลาที่เหมาะสม
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่: https://spcommreports.ohchr.org/TMResultsBase/DownLoadPublicCommunicationFile?gId=28064
อ่านจดหมายตอบจากผู้แทนถาวรไทย ณ นครเจนีวาได้ที่: https://spcommreports.ohchr.org/TMResultsBase/DownLoadFile?gId=37521
อ้างอิงจาก: