วันนี้ (4 สิงหาคม) จากกรณีที่มีการเลื่อนประชุมรัฐสภาออกไป หลังจากที่ สส.เสนอญัตติด่วนให้ลงมติทบทวนเรื่องการเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ รังสิมันต์ โรม สส.จากพรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาแถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า ในประเด็นเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำว่าสามารถทำหรือไม่นั้น เขาก็พบว่ามีนักวิชาการหลายคนลงชื่อ ทั้งยังมีผู้ตรวจการยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาประเด็นดังกล่าว จนทำให้การเลือกนายกฯ ถูกเลื่อนออกไป
“แต่จริงๆ มันสามารถใช้กลไกสภาได้ เราไม่มีความจำเป็นต้องไปพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญเลย” รังสิมันต์กล่าว พร้อมให้เหตุผลว่า เพราะกระบวนการภายในของรัฐสภา เมื่อได้ตัดสินใจอย่างไรไปแล้ว ก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้อำนาจของสภา
รังสิมันต์ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า “ประเด็นก็คือ เมื่อมันมีข้อเท็จจริงเหล่านี้ แล้วพวกเรา สส. ของพรรคก้าวไกล ได้มีการเสนอญัตติ มีผู้รับรองถูกต้อง ความเป็นจริง ท่านประธานก็ควรจะให้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ พวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะประวิงเวลา ไม่ได้มีเจตนาใช้เวลาของสภามากจนเกินไป…เตรียมมาก็จะอภิปรายไม่กี่คน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้เร็วที่สุด”
“แล้วหวังว่าสภา เมื่อมีมติไปแล้ว ถ้าปรากฏว่ามติของสภาให้มีการทบทวนแล้วเลิกมติที่เคยมี เราก็ไม่ต้องมาเจอเงื่อนไขเรื่องการประชุมต่อไป ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งอย่างไรในอนาคต ซึ่งความไม่แน่นอนตรงนี้ สภาเราสามารถจัดการได้” รังสิมันต์กล่าว
อย่างไรก็ดี ข้อสงสัยที่ว่า ญัตติด่วนที่ สส.เสนอในวันนี้ เป็นการทบทวน ซึ่งสาระของมันเป็นคนละเรื่อง และยืนยันไม่ใช่ญัตติซ้ำ แต่ถ้ามีการเสนอไปแล้ว พิจารณาไปแล้ว แล้วสัปดาห์ต่อไปจะเสนออีก ตรงนี้ทำไม่ได้ เพราะเข้าญัตติซ้ำ ส่วนเรื่องการตีความต้องเป็นการตีความที่เด็ดขาดซึ่งประธานสภาก่าวถึงในการประชุม เขาก็ระบุว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นให้ที่ประชุมสภาสามารถวินิจฉัยได้อีกครั้ง และยืนยันว่าการเสนอตรงนี้สามารถทำได้ อีกทั้งเพื่อไทยก็ยังช่วยยืนยันด้วยเช่นกัน
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า ตรงนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่การประชุมสภาต้องยุติ เพราะถ้าประธานสภายอมให้พิจารณาตรงนี้ ก็จะสามารถนำไปสู่วาระถัดไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกนายก หรือการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272
“วันนี้เราทราบมาตั้งแต่ต้นมว่ามีความพยายามล้มการประชุม ถ้าไม่ได้ สส.วิโรจน์ช่วยกระตุ้น เราก็คงจะไม่มีการแห่เข้ามาประชุม แต่การใช้วิชามารแบบนี้ คำถามสำคัญที่พี่น้องประชาชนช่วยตั้งคำถามได้คือ ประเทศได้อะไรกับการที่เราปิดการประชุมแบบนี้” รังสิมันต์ทิ้งท้าย