เชื่อว่าหลายคนคงจะจำข่าวที่แกะตัวหนึ่งหลงเข้าไปในป่านานหลายปี จนวันหนึ่งมีคนบังเอิญไปเจอมันเข้าในสภาพที่มีขนหนาปกปิดจนแทบไม่เห็นตัว แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับสุนัขที่มีเจ้าของหรือเปล่านะ? เมื่อเจ้าของสุนัขตัวหนึ่งถูกตั้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ หลังปล่อยปละละเลยสุนัขของตัวเองจนมันมีขนปกคลุมทั่วทั้งตัวที่หนักถึง 8 ปอนด์ (3.63 กิโลกรัม)
เมื่อวันเสาร์ (5 สิงหาคม) ที่ผ่านมา เคน รอสส์ (Ken Ross) เจ้าหน้าที่จากสมาคมป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ได้รับแจ้งเหตุจากผู้หญิงคนหนึ่งที่กล่าวว่า สุนัขของเพื่อนบ้านเธอถูกเลี้ยงแบบละเลย ต่อมารอสส์จึงรีบเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวเพื่อไปตรวจสอบสุนัขที่ว่า แต่เมื่อไปถึงเขาถึงกับผงะกับสิ่งที่ได้เห็น ซึ่งก็คือพุดเดิ้ลตัวจิ๋วที่มีขนสกปรกปกคลุมไปทั่วทั้งตัว
“นี่อาจเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ..เพื่อนบ้านแถวนั้นบอกกับผมว่าพวกเขาไม่เห็นปิแอร์ออกมาข้างนอก 7 ปีแล้ว” รอสส์กล่าว อย่างไรก็ดี เขาแจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์กับเจ้าของสุนัขทันที พร้อมกับรีบนำเจ้าปิแอร์ สุนัขวัย 9 ปีไปโรงพยาบาลสัตว์
ทว่าการช่วยเหลือมันนั้นไม่ง่ายเลย เพราะต้องใช้สัตวแพทย์ถึง 3 คนในการโกน ตัดขน และนำคราบปัสสาวะและอุจจาระของปิแอร์ออก ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 2 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเล่าว่า ระหว่างนำขนบริเวณคอของมันออก พวกเขาได้พบกับปลอกคอสีแดงที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ขนหนาเตอะที่สร้างความเจ็บปวดให้กับมันเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปิแอร์ดูเหมือนสุนัขตัวอื่นๆ แล้ว รวมทั้งน้ำหนักยังลดลงจาก 9.98 เหลือ 6.25 กิโลกรัมอีกด้วย
รอสส์เสริมว่า “ตอนที่ผมเจอปิแอร์ครั้งแรก มันไม่สามารถเดินได้อย่างปกติเลยด้วยซ้ำ และมันยังมีกลิ่นตัวที่เหม็นมากเนื่องจากสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามขนตลอดทั้งตัว”
ทั้งนี้ ต่อมาปิแอร์ถูกนำไปพบกับ เจสัน เบิร์ก (Jason Berg) สัตวแพทย์ในเมืองบรูว์สเตอร์ สหรัฐฯ โดยเบิร์กระบุว่า “สิ่งที่ปิแอร์ต้องเจอมันน่าสะเทือนใจ ..และมันยังต้องทนเจ็บเป็นอย่างมากขณะที่หมอพยายามนำขนมันออก จนท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจึงตัดสินใจให้ยาสลบกับมันแทน”
นอกจากนี้ ปิแอร์ยังติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและมีรอยบาดแผลที่คอ และหลังจากโกนขนเสร็จมันยังแสดงอาการเจ็บอย่างชัดเจน ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 1 วัน มันถึงจะเริ่มยอมกินอาหาร และกล้าที่จะเดินสำรวจรอบๆ โรงพยาบาล
“บอกได้เลยว่าปิแอร์รู้สึกดีขึ้นมาก แต่มันยังคงเป็นสุนัขที่ดูระวังตัวมากอยู่ดี ดังนั้นเราจึงต้องใจเย็นกับมันมากๆ ระหว่างที่ปิแอร์รักษาตัวและหาบ้านที่อบอุ่น” เบิร์กกล่าวปิดท้าย
อ้างอิงจาก