วงการกีฬาสเปนกำลังมีประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับเรื่องเพศ หลังประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนจูบหนึ่งในนักฟุตบอลหญิงที่ริมฝีปาก ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้เขาลาออก มิฉะนั้น ผู้เล่นทีมหญิงและทีมชายรวม 50 คนจะไม่ลงเตะให้กับทีมชาติสเปน
1. จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ส.ค.) หลังทีมฟุตบอลหญิงสเปนเฉือนทีมชาติอังกฤษ 1-0 และคว้าถ้วยฟุตบอลโลกหญิงประจำปี 2023 มาครองได้ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยในช่วงพิธีการรับรางวัล หลุยส์ รูเบียเลส ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนได้จูบ เจนนิเฟอร์ เอร์โมโซ นักฟุตบอลหมายเลข 11 ของทีมที่ริมฝีปาก
2.ในวันเดียวกัน เอร์โมโซได้ไลฟ์ผ่านห้องแต่งตัวทีมฟุตบอลหญิงสเปน และพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ชอบมัน”
อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันเธอได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP ว่า “มันเป็นท่าทางที่แสดงถึงความยินดีทั่วไป” โดยระบุเพิ่มเติมว่าเธอและรูเบียเลสมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความยินดีอย่างมากต่อการคว้าแชมป์โลก
ขณะที่ทางด้านรูเบียเลสกล่าวกับสำนักข่าว COPE ของสเปนว่า มันเป็นเพียงการจูบเพื่อแสดงความยินดีระหว่าง “เพื่อนสองคน” และคนที่มองมันผิดจากนี้ “โง่และงี่เง่า” เขาเสริมด้วยว่าอยากให้ทุกคนลืมเหตุการณ์นั้นเสีย แล้วดื่มด่ำกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น
3. ในวันต่อมา (21 ส.ค.) สังคมสเปนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดย ไอรีน มอนเตโร รัฐมนตรีความเท่าเทียมของสเปนได้ทวีตถึงเหตุการณ์นี้ใน X ว่ามันเป็น “ความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในทุกๆ วัน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น” และ “เราไม่ควรทำให้มันเป็นเรื่องปกติ”
ด้าน นาเดีย ทรอนโชนี บรรณาธิการข่าวกีฬาของ El País ยังเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามันเป็น “การรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวอย่างก้าวร้าว โดยปราศจากความยินยอม”
นอกจากความเห็นของทั้งคู่แล้ว ยังมีนักการเมืองและผู้ที่ทำงานในวงการกีฬาหลายรายออกมาวิจารณ์การกระทำดังกล่าวว่าไม่เหมาะสม และมีการเรียกร้องให้รูเบียเลสลาออกจากตำแหน่ง
4. หลังจากแรงกดดันจากทั้งสังคม ภาคการเมือง และวงการกีฬา สื่อหลายสำนักในสเปนรายงานตรงกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 ส.ค.) ว่า รูเบียเลสเตรียมลาออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อถึงวันศุกร์ (25 ส.ค.) รูเบียเลสกลับแถลงข่าวยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออก และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ต่างจากการล่าแม่มดด้วยแนวคิด “เฟมินิสต์ปลอม (false feminist)”
เขายืนยันในช่วงหนึ่งด้วยว่า เขาได้ถามเอร์โมโซแล้วว่า ขอจูบเธอหน่อยได้ไหมและเธอตอบตกลง เขายังเสริมอีกว่า “ผมจูบเธอเหมือนที่จูบลูกสาวของผม” เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
แม้รูเบียเลสยังยืนยันที่จะไม่ลาออก แต่ ราฟาเอล เดล อาโม ประธานสมาคมฟุตบอลหญิงสเปนกลับยื่นใบลาออกแทน โดยเขาระบุว่ารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น และยืนยันว่ารูเบียเลสควรลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน
5. ภายหลังการแถลงข่าวของรูเบียเลส เอร์โมโซได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าสิ่งที่รูเบสโซพูดไม่เป็นความจริง เขาไม่ได้ร้องขอและเธอก็ไม่ได้ยินยอมต่อการจูบนั้น โดยหลังอารมณ์ยินดีจากความสำเร็จเธอจึงกลับมาทบทวนกับตัวเองว่าควรออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฉันรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องประนามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะฉันคิดว่าไม่ควรมีใคร ในสายอาชีพอะไร ควรตกเป็นเหยื่อของพฤติกรรมที่ไม่ได้รับการยินยอมแบบนี้ ฉันรู้สึกเปราะบาง รู้สึกถึงการเป็นเหยื่อยของความก้าวร้าว การกระทำที่ดุดัน และเหยีดเพศ” เธอทิ้งท้ายว่า “หรือกล่าวอย่างรวบรัด ฉันรู้สึกไม่ได้รับความเคารพ”
เอร์โมโซยังเพิ่มเติมว่า เธอและครอบครัวถูกกดดันจากหลายทางให้ทำนิ่งเฉยเสียต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เธอเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมานานเกินไปแล้วในทีมฟุตบอลหญิงสเปน
6. ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ผู้ชุมนุมประมาณ 100 คนได้มารวมตัวที่หน้าสำนักงานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน ในกรุงมาดริด เพื่อเรียกร้องให้รูเบียเลสลาออก โดยบางส่วนได้นำใบแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการไล่ผู้เล่นออกในเกมฟุตบอลมาร่วมประท้วงด้วย
“สิ่งที่ควรต้องเกิดขึ้นในตอนนี้คือ เขา (รูเบียเลส) ต้องลาออก รวมถึงทุกคนที่สนับสนุนเขาด้วย” อัลมา โดน่า หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมกล่าวกับ AP ต่อว่า “สหพันธุ์จำเป็นต้องปฏิรูปเสียใหม่ และฟุตบอลหญิงควรได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้”
7. เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (26 ส.ค.) FUTPRO หรือสมาคมนักฟุตบอลอาชีพสเปนได้ทวีตแถลงการณ์ที่ลงนามโดยทีมฟุตบอลหญิงชุดแชมป์โลกล่าสุดและนักฟุตบอลคนอื่นๆ รวม 50 คน เรียกร้องให้รูเบียเลสลาออกจากตำแหน่ง มิฉะนั้น จะไม่ลงเล่นให้กับทีมชาติอีกต่อไป
นอกจากทีมหญิง บอร์กา อีเกเซียส กองหน้าทีมเรอัล เบติส ซึ่งมักถูกเรียกติดทีมชาติสเปนก็ออกมายืนยันเช่นกันว่าเขาจะไม่ลงเล่นให้ทีมชาติอีกต่อไป จนกว่าสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยน
ในต่างประเทศ เอล็กซ์ มอร์แกน นักฟุตบอลหญิงชื่อดังทีมชาติสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาสนับสนุนจุดยืนของทีมฟุตบอลหญิงสเปนเช่นกัน โดยเธอทวีตว่า “ฉันรังเกียจสิ่งที่ หลุยส์ รูเบียเลสทำ” และกล่าวว่าการคว้าแชมป์โลกควรเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตนักฟุตบอล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำลายมัน
8. สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในสเปนหลายแห่งก็ออกมาสนับสนุนจุดยืนของทีมหญิงเช่นกัน สโมสรบาร์เซโลนน่าได้แถลงประนามการกระทำของรูเบียเลสว่าไม่เหมาะสม สโมสรเรอัล มาดริดแถลงสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลให้ไล่รูเบียเลสออก สโมสรเซบีญ่าเรียกร้องให้รูเบียเลสลาออก รวมไปถึงอีกหลายสโมสร เช่น โอซาซูน่า, บาเลนเซีย, เอสปันญอลที่ออกมาประนามรูเบียเลส
9. ในขณะนี้ สมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหลายแห่งเริ่มขยับตัวตาม โดย FIFA กำลังสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวและถ้าตัดสินว่าผิด รูเบียเลสอาจถูกลงโทษตั้งแต่ปรับจนถึงแบนจาก FIFA ทางด้าน FIFPRO หรือสหภาพนักฟุตบอลก็ออกมาสนับสนุนให้ FIFA ดำเนินมาตรการทางวินัยกับรูเบียเลส โดยมีเพียง สมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ UEFA ซึ่งรูเบียเลสนั่งเป็นรองประธานเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเฉย
10. มีรายงานว่าจาก วิคเตอร์ ฟรานโก เลขาฯ ของรัฐฝ่ายกีฬาว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังยื่นฟ้องต่อศาลว่ารูเบียเลสละเมิดกฎหมายกีฬาของประเทศหรือไม่ ซึ่งถ้าศาลตัดสินว่าเขามีความผิด เขาจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งทันที โดยฟรานโกระบุเพิ่มเติมว่าได้มีการขอให้เลื่อนการประชุมศาลใกล้เข้ามา จากวันพฤหัสบดีเป็นวันจันทร์ที่จะถึงแทน
เร็วๆ นี้คงจะมีข้อสรุปต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งไม่ว่าจะออกในแง่ไหน แต่มันจะกลายเป็นมุดหมายสำคัญให้กับวงการกีฬาทั่วโลกตระหนักถึงประเด็นความเท่าเทียมทางเพศและการเคารพทุกคนในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อทำให้วงการกีฬาเป็นพื้นที่สำหรับทุกคนโดยแท้จริง
อ้างอิงจาก:
https://www.independent.co.uk/sport/football/luis-rubiales-resignation-spanish-fa-b2399588.html
https://twitter.com/futpro_es/status/1695152679855477023