ในระหว่างการอภิปรายหลังแถลงนโยบาย กัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ตั้งคำถามถึงนโยบายการต่างประเทศ ที่ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากอดีต ที่มีจุดยืนทางการทูตรูปแบบเดิม คือ เน้นเพียงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
“ไม่ใช่สิ่งผิดที่นโยบายการต่างประเทศ จะเน้นด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ มันไม่ผิด แต่ไม่พอ”
สส.พรรคเป็นธรรม ระบุว่า การจะวางนโยบายต่างประเทศต้องดูสารตั้งต้นว่าไทยเป็นใคร และต้องการอะไรในเวทีโลก ต้องตีโจทย์ให้ออก “หลักใจความสำคัญในการสร้างนโยบายด้านนี้ คือการแสวงหาการเป็นผู้นำในเวทีสากล ไม่ใช่มองว่าอะไรเกิดขึ้นในเวทีการเมืองระหว่างประเทศข้างนอก แล้วกลับมาดูว่าจะเอาประเทศไทยไปไว้จุดใด”
“นโยบายทางด้านการทูตไม่ใช่แค่เติมคำในช่องว่าง โดยวิ่งตามชาวบ้านเขา”
กัณวีร์ ชี้ว่าจากการแถลงของรัฐบาล ที่เน้นออกไปพบปะนานาชาติเพื่อชักชวนมาทำการค้า อย่างการมีเขตการค้าเสรี พาสปอร์ตเล่มเดียวไปได้ทุกที่ อนุมัติการลงทุน เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่การทูตแบบไทยๆ ต้องคิดนอกกรอบ ด้วยกระบวนการแบบสร้างสรรค์โดยไม่ต้องลงทุน
ยกตัวอย่างประเด็นสถานการณ์เมียนมา กัณวีร์ ให้ความเห็นว่า นายกฯ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญแต่อย่างใดกับการพยายามแสดงความเป็นผู้นำในการร่วมแก้ต้นเหตุ เช่น การลิดรอนสิทธิของเมียนมา ทั้งที่เรามีจุดภูมิรัฐศาสตร์ที่เหมาะสม และต้องรับมือกับผู้ลี้ภัยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ร่วมประเด็นการอุ้มหาย และแรงงานข้ามชาติ
“หากเราไม่อยากเป็นแค่ลูกไล่ในเวทีโลก เปลี่ยนเถอะครับ กรอบกระบวนทัศน์ทางการทูตต้องกล้าคิด กล้าทำ และคิดนอกกรอบให้ได้ เราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแค่ต้องมีใจที่เป็นมนุษย์ มากกว่าหัวใจด้านการค้าเพียงอย่างเดียว”
อ้างอิงจาก