พอพูดถึงคำว่างานวิจัย คงช่วยไม่ได้ที่เราจะนึกถึงการศึกษาอย่างจริงจังขึงขังเพื่อความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ แต่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นเสมอไปไหม ในเมื่อหลายครั้งอารมณ์ขัน การแซว และการเสียดสีก็ชวนให้เราคิดต่อได้ไม่ต่างกัน
สำหรับ Ig Noble Prize งานมอบรางวัลเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งยึดปรัชญาอารมณ์ขันมา สติปัญญาเกิด งานวิจัยและความฉลาดไม่จำเป็นต้องขึงขังจริงจังเสมอไป เพราะบางครั้งการได้หลุดหัวเราะออกมาก่อน ก็ช่วยให้เราคิดอะไรได้ง่ายกว่ามาก
ล่าสุด Ig Noble Prize เพิ่งประกาศผู้ชนะทั้ง 10 สาขาไปเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา และเราได้รวบรวมมาให้ดูกันแล้วว่า งานวิจัยชิ้นไหนบ้างที่ทั้งขำและชวนคิด
- รางวัลสาขาเคมีและธรณีวิทยา
สำหรับผู้ชนะในสาขานี้ได้แก่งานวิจัยที่พยายามหาคำตอบว่า ‘ทำไมนักวิยาศาสตร์ชอบเลียหิน’ ทีมนักวิจัยขี้สงสัยได้ค้นข้อมูลได้ช่วงศตวรรษที่ 18 แล้วได้พบว่า จุดเริ่มต้นของพฤติกรรมแปลกๆ นี้มาจากนักธรณีวิทยาชาวอิตาเลียน ซึ่งใช้ลิ้นช่วยแยกแยะชนิดของแร่ธาตุต่างๆ ในหิน และแม้ในปัจจุบัน นักธรณีวิทยายังเลียหินกันอยู่ แต่ไม่ใช้เพื่อแยกแร่ธาตุอีกแล้ว พวกเขาเลียหินเพราะต้องการให้ผิวหินเปียกชื้น เพื่อให้สามารถมองเห็นอนุภาคของหินได้ชัดเจนขึ้น
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://www.palass.org/publications/newsletter/eating-fossils
- รางวัลสาขาวรรณกรรม
เวลาพูดถึงรางวัลสาขาวรรณกรรม หลายคนคงนึกถึงงานเขียนขึ้นที่ทั้งเต็มไปด้วยวรรณศิลป์ แต่ก็สะท้อนโลกภายในของมนุษย์และโลกภายนอกที่เกินควบคุม แต่สำหรับ Ig Noble สาขานี้มอบให้แก่งานวิจัยที่ศึกษา ‘ความรู้สึกของคนที่พูดคำเดิมซ้ำๆ ซ้ำๆ ซ้ำๆ และซ้ำอีกครั้ง’
ทีมนักวิจัยเชื่อว่าภาวะ ‘จาเมส์ วู’ ที่คนหนึ่งลืมสิ่งที่เคยทำเป็นประจำ เป็นปรากฎการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองส่วนความจำเหมือนเดจาวู ทีมนักวิจัยจึงให้ผู้ร่วมวิจัยทดลองพูดคำเดิมซ้ำๆ จนกว่าจะรู้สึกว่ามัน “แปลก” หรือมีเหตุผลที่จะหยุด ผลปรากฎว่าภายหลังผู้ร่วมวิจัยพูดคำเดิมซ้ำสัก 1 นาที หรือครบ 30 ครั้ง พวกเขาจะเริ่มตั้งคำถามถึงความหมายของคำนั้น
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติ่มได้ที่: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32079491/
- รางวัลสาขาสาธารณสุข
สุขภาพเป็นเรื่องใหญ่ และแน่นอนรวมถึงสุขภาพของระบบขับถ่าย ในปีนี้รางวัลสาขาสาธารณสุขมอบให้แก่ ‘ส้วมอัจฉริยะ’ ที่นอกจากคงฟังค์ชั่นรองรับถ่ายหนัก- เบาไว้เหมือนเดิม ส้วมนี้ยังสามารถวิเคราห์สุขภาพของผู้นั่งได้ในทันที เพราะมีการติดตั้งแผ่นวิเคราะห์ปัสสาวะ รวมถึงระบบเซนเซอร์ที่ช่วยวิเคราะห์สุขภาพรูทวารว่าแข็งแรงดีไหม
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36724240/
- รางวัลสาขาการสื่อสาร
การสื่อสารเป็นศาลตร์และศิลป์ที่ซับซ้อน การสื่อสารวิกฤตก็ศาสตร์หนึ่ง สื่อสารที่สาธารณะก็อีกศาสตร์หนึ่ง แล้วการสื่อสารกลับหลังล่ะ? ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผู้ชนะรางวัลสาขาการสื่อสารปีนี้คือทีมนักวิจัยที่ศึกษาความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของคนที่สื่อสารกลับหลัง เช่น ถ้าได้รับประโยคว่า ‘long live tango’ ต้องสื่อสารออกมาเป็น ‘ognat evil gnol’ ซึ่งมีอยู่จริงในเมืองลา ลากัวนา ประเทศสเปน
ทีมนักวิจัยพบว่าสมองของคนที่สื่อสารกลับหลังจะมีสกิลการเรียงลำดับคำแบบพิเศษ และมีโครงสร้างสมองส่วนหลังและข้างไม่เหมือนคนทั่วไป โดยมักจะจะมีเครือข่ายการทำงานของสมองที่ใหญ่เป็นพิเศษ พวกเขายังสรุปว่าสมองของมนุษย์สามารถพัฒนาทักษะเฉพาะได้อีกหลากหลายมากเพื่อรองรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nature.com/articles/s41598-020-67551-z
- รางวัลสาขาการแพทย์
แม้เราจะเขินทุกทีที่ขนจมูกโผล่ออกมา แต่มันมีก็มีความสำคัญในฐานะตัวกรองโรคที่จะเข้าผ่านทางระบบหายใจ และสำหรับสาขาการแพทย์ปีนี้มอบให้แก่ทีมนักวิจัยที่นำมาร่างของผู้เสียชีวิตมานับดูว่า “ขนจมูกในรูจมูกสองข้างของมนุษย์มีจำนวนเท่ากันหรือไม่”
หลังจากศึกษาทั้งชายและหญิง (ที่เสียชีวิต) จำนวน 20 คนพวกเขาก็พบว่า โดยเฉลี่ยคนทั่วไปมีขนจมูกข้างซ้าย 120 เส้น และข้างขวา 112 เส้น และพวกเขายับพบว่าเพศไม่ใช่ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับจำนวนขนจมูก แต่คนที่มีประวัติป่วยด้วยโรคมะเร็ง ไม่ว่าเต้านม ปอด หรือลำไส้ใหญ่ มักมีขนจมูกน้อยกว่าคนทั่วไป ชวนให้นักวิจัยศึกษาต่อไปว่า มันมีความสัมพันธ์อะไรหรือเปล่าระหว่างโรคมะเร็งและจำนวนขนจมูก
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://www.jaad.org/article/S0190-9622(20)32002-8/fulltext
- รางวัลสาขาโภชนาการ
องค์กรอนามัยโลกแนะนำว่าเราควรกินเกลือไม่เกิน 5 กรัม/ วัน แต่กินข้าวทีไรก็อดเติมพริกน้ำปลาไม่ได้สักที ปัญหาเรื่องอาหารเค็มเกินไปจะหมดไป เพราะทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมจิประดิษฐ์ ‘ตะเกียบไฟฟ้ารสเกลือ’ ที่อาศัยกลไกกระแสไฟฟ้า และระบบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กบนสายรัดข้อมือผู้กิน กระตุ้นให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงรสเค็มบนอาหารเพิ่มขึ้น โดยทีมวิจัยยืนยันว่าถ้าใช้ตะเกียบชนิดนี้กินอาหารจะทำให้อาหารเค็มเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าเลยทีเดียว
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://dl.acm.org/doi/abs/10.1145/1959826.1959860#:~:text=An%20electric%20contact%20is%20connected,drinks%20because%20they%20contain%20electrolyte.
.
- รางวัลสาขาวิศวะเครื่องกล
ทำไมเราต้องสร้างหุ่นยนต์ขึ้นใหม่ ในเมื่อสามารถนำสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติกลับมาใช้ได้? นี่คือคำถามตั้งต้นของทีมนักวิจัยที่นำแมงมุมที่ตายแล้วมาดัดแปลงให้เป็นหุ่นยนต์หยิบจับสิ่งของที่สามารถยกของหนักกว่าตัวมันได้ 1.3 เท่า ทีมนักวิจัยบอกว่าที่เลือกใช้แมงมุม เพราะขาของพวกมันมีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน มีเพียงแค่การหุบเข้าด้านในคล้ายกับอุปกรณ์จับทั่วไปเท่านั้น ทีมนักวิจัยยังบอกว่าแนวคิดนี้นอกจากช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังนำไปประยุกต์และพัฒนาต่อในสาขาเนโครโบติกส์ที่แปลตรงๆ ได้ว่า หุ่นยนต์ซากศพได้อีกด้วย
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1002/advs.202201174
- รางวัลสาขาการศึกษา
“ราขอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีที่มีหัวเมืองขึ้นหลากหลาย หลังจากพม่า… ZzZZzZ” เป็นเรื่องปกติมากที่เราจะเบื่อบางวิชาที่อาจารย์เอาแต่ให้ท่องจำ ความน่าเบื่อของอาจารย์ส่งผลต่อความเบื่อของนักเรียนแค่ไหน เป็นโจทย์วิจัยที่คว้ารางวัล Ig Noble สาขาการศึกษาในปีนี้ไปครอง
ทีมนักวิจัยได้ข้อสรุปว่า อาจารย์ที่น่าเบื่อส่งผลให้นักเรียนไม่มีแรงจูงใจในการเรียน หรือแปลว่ายิ่งสอนเบื่อ นักเรียนยิ่งไม่อยากเรียนนั่นเอง
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31342514/
- รางวัลสาขาจิตวิทยา
โจทย์ใหญ่ของการศึกษาสาขาจิตวิทยาสังคมคือ คนหนึ่งมีผลต่ออีกคนมากแค่ไหน เช่น ถ้าอยู่ดีๆ เรามองขึ้นบนฟ้ากลางสยามแสควร์ จะมีกี่คนที่ทำตามเรา และรางวัลสาขาจิตวิทยาปีนี้ของ Ig Noble มอบให้แก่งานวิจัยที่ทดลองว่า ถ้าเราแหงนหน้ามองอะไรสักอย่างกลางถนน จะมีกี่คนที่ทำตาม
จากการทดลองกับคนเดินเท้าจำนวน 1,425 คน ทีมนักวิจัยพบว่า การจะทำให้คนบนถนนหยุดและมองขึ้นไปบนฟ้าได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่หยุดมองก่อน ถ้ามีคนหยุดมองแค่คนเดียว จะมีคน 4% เท่านั้นที่จะหยุดแล้วมองตาม แต่ถ้าคนหยุดมองเพิ่มเป็น 15 คน จะมีมากถึง 40% ที่หยุดและให้ความสนใจ เป็นข้อสรุปวิจัยที่นักไต่ลวดข้ามตึก และนักแสดงอิสระข้างถนนน่าอ่านและนำไปใช้
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://www.academia.edu/9981572/Note_on_the_drawing_power_of_crowds_of_different_size
- รางวัลสาขาฟิสิกส์
และรางวัลสุดท้ายของ Ig Noble ในสาขาฟิสิกส์มอบให้แก่งานวิจัยที่ศึกษา ผลกระทบของกิจกรรมทางเพศของปลาแอนโชวี่ต่อการหมุนเวียนของกระแสคลื่น และภายหลังการรอคอยนานกว่า 3 สัปดาห์ พวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่า การผสมพันธุ์ของปลาแอนโชวี่วุ่นวายมากเพียงพอทำให้เกิดน้ำวนขนาดเล็กที่ผสมน้ำในมหาสมุทรชั้นต่างๆ ขึ้นได้เลยทีเดียว หรือสรุปแบบมีสาระคือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรได้เช่นเดียวกับกระแสน้ำและลม
อ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nature.com/articles/s41561-022-00916-3
อ้างอิงจาก: