นอกจากสงสัยว่าสังคมแบบไหนที่คนสนุกปากหลังมีผู้หญิงโดนปล่อยคลิปหลุด อีกประเด็นสำคัญที่ควรตั้งคำถาม คือ กฎหมายเอาผิดพฤติกรรมเอาสื่อโป๊ของเหยื่อมาข่มขู่หรือแก้แค้น (revenge porn) ในไทยเข้มแข็งพอหรือยัง?
‘เบียร์ the voice’ นักร้องชื่อดังวัย 27 ปี ถูกโลกออนไลน์กล่าวหาว่ามีคลิปลามกหลุดจนเกิดเป็นกระแสล้อเลียนบนเพจปั่นบนเฟซบุ๊ก ลามสู่การกล่าวหาว่าอดีตคนรักเป็นผู้ปล่อยคลิป
หากเป็นเรื่องจริง พฤติกรรมนี้อาจเข้าข่ายอาชญากรรมทางเพศที่ชื่อว่า revenge porn หรือก็คือ การนำสื่อลามกอนาจารของผู้อื่นมาเผยแพร่ต่อบุคคลอื่นหรือสาธารณะเพื่อแก้แค้นและประจานเหยื่อ โดยมีมูลเหตุเพื่อการข่มขู่แก้แค้นและทำให้เหยื่อได้รับความอับอายขายหน้า หรือเกิดความกลัวกังวลว่าภาพโป๊ส่วนตัวจะถูกเผยแพร่
แม้ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าคลิปนี้เป็นของใคร หรือเกี่ยวข้องกับการปล่อยภาพเพื่อทำให้อับอายจริงหรือไม่ แต่ปมนี้ทำให้หลายคนสงสัยถึงกฎหมายเอาผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น …ซึ่งงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุชัดเจนว่า กฎหมายไทยที่จัดการเรื่องนี้ยังไม่ครอบคลุมชัดเจนพอ รวมถึงไม่สามารถป้องปรามและลดปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิงจากเว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จะพบว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเอาผิดผู้ถ่ายคลิปหรือภาพและนำมาปล่อยในโซเชียลได้ มีโดยคร่าว ดังนี้
- ประมวลกฎหมายอาญา ม.326 : ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ประมวลกฎหมายอาญา ม.338 : ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (4) ผู้ใดกระทำความผิดโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (5) ผู้ใดเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมระบุด้วยว่า ผู้ที่ถ่ายคลิปหรือภาพเอาไว้ไม่มีสิทธินำภาพหรือคลิปมาปล่อยในโลกโซเชียลเพื่อทำให้อับอายหรือเสียหาย เพราะถ้าพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นคนทำ ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยคนที่นำคลิปลงเผยแพร่ในโซเชียลจะมีความผิดข้อหา ‘หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา’ และข้อหา ‘นำเข้าข้อมูลที่มีลักษณะลามกอนาจาร’
ดูเหมือนจะมีกฎหมายคุ้มครองแล้วนี่ มีปัญหายังไงนะ? งานวิจัยโดย ผศ.ดร.รัชนี แตงอ่อน และศิริศักดิ์ จึงถาวรรณ จากมหาวิทยาลัยบูรพาระบุว่า มาตรการทางกฎหมายบ้านเรายังไม่ครอบคลุมชัดเจนพอที่จะใช้จัดการและกำหนดความผิดทางอาญาของคดี revenge porn และไม่ได้สามารถลดปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นจริง มีเคสหนึ่งที่จงใจเผยแพร่ภาพโป๊อนาจารของ A ให้ลูกสาว A ดู โดยมีเจตนาจะให้ A ผู้เป็นเจ้าของภาพอับอาย แต่ศาลไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (4) ได้ เพราะมีท่อนที่ระบุว่าต้องเป็นข้อมูลที่ “ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ประชาชนทั่วไปดันเข้าไปดูไม่ได้จริงๆ เพราะไม่ทราบรหัส
หรือกรณีกฎหมายอาญาก็มีข้อสังเกตอีกว่า ม.388 ถ้าไม่ได้ขู่เอาทรัพย์สินจะนับเป็นความผิดไหม หรือ ม.287 ที่มีเนื้อหาว่า ผู้ใดแจกจ่ายหรือทำให้บันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามกแพร่หลายเพื่อการค้าจะมีความผิด ถ้าไม่มีเจตนาเพื่อการค้าแต่แค่อยากประจานเหยื่อเฉยๆ จะเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่
สรุปง่ายๆ ก็คือ เราไม่มีกฎหมายกำหนดบทลงโทษผู้ที่เผยแพร่ภาพอนาจารส่วนตัวโดยเฉพาะ และไม่มีบทลงโทษที่ครอบคลุมกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งพอเกิดกรณีแบบนี้ ผู้เกี่ยวข้องก็ต้องปรับใช้บทบัญญัติที่ยกตัวอย่างข้างต้นเอา
แน่นอน เมื่อไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนและครอบคลุมโดยเฉพาะ ก็ย่อมขาดประสิทธิภาพและไม่เพียงพอต่อการรับมือการเผยแพร่ภาพอนาจารส่วนตัวได้ รวมถึงไม่อาจป้องกันสิทธิเสรีภาพของผู้เสียหายได้
ต่างจากประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ที่กำหนดมาตรการทางอาญาและกำหนดโทษชัดเจนเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับ revenge porn โดยเฉพาะ ทั้งให้ความหมาย ลักษณะการกระทำผิด โทษทางอาญา และข้อยกเว้นรับผิดทางอาญา เป็นต้น
ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปแหละนะ ว่าบ้านเราจะมีกฎหมายหรือมาตรการจัดการกรณีแบบนี้เมื่อไหร่ หรือจะต้องรอให้มีผู้เสียหายรายอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกมั้ย ถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
อ้างอิงจาก
https://www.moj.go.th/view/55031
https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/4382/1/2565_083.pdf
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RRBR/article/view/244427/166105