ถ้าเราคิดถึงใครสักคนมากๆ แต่ไม่อาจกลับไปกอดเขาได้อีกแล้ว ในอดีตเราก็คงทำได้เพียงจินตนาการภาพในหัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราอาจสร้างภาพนั้นออกมาให้เห็นด้วยตาได้ เมื่อผู้ที่สูญเสียคนรักเริ่มใช้ ‘Generative AI’ ในการสร้างภาพเคลื่อนไหวจากภาพนิ่ง เพื่อให้กลับมายิ้มให้กันหรือกอดกันได้ครั้ง
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kittisak Ta โพสต์รูปคู่กับลูกสาว รูปกลุ่มกับครอบครัว ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘Lightroom’ ว่า
“ลูกสาวคนโตผมป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และจากผมไปด้วยอายุ 17 ปี ภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายที่เราไปเที่ยวด้วยกัน (ก่อนเสีย 6 เดือน) ผมพยายามใช้ Chat GPT ทำเป็นวิดีโอ กอดกัน แต่ทำไม่ได้ อยากรบกวน คนที่มีความสามารถอนุเคราะห์ด้วยครับ ผมคิดถึงลูกมากๆ“
โพสต์นี้ได้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นกว่า 1,300 ครั้งและแชร์ออกไปกว่า 3,600 ครั้ง หลายคอมเมนต์เข้ามาโพสต์คลิปวิดีโอที่ทำขึ้นมาจากภาพนิ่งของคุณกิตติศักดิ์ (เจ้าของโพสต์) เป็นภาพที่พ่อลูกโผเข้ากอดกัน บ้างก็นำไปทำให้กลายเป็นภาพการ์ตูนสไตล์ต่างๆ
The MATTER ได้พูดคุยกับคุณกิตติศักดิ์ ธนันณัฏฐ์ เขาเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการนำมาโพสต์ขอความช่วยเหลือนั้นเกิดจากการที่ลูกสาวเพิ่งเสียชีวิตไป แล้วรู้สึกคิดถึงลูกมาก แต่เคยมีเพียงภาพนิ่งที่ถ่ายด้วยกันขณะไปเที่ยวเท่านั้น แต่ไม่เคยถ่ายวิดีโอเก็บไว้เลย ได้แต่จินตนาการถึงภาพที่ได้กอดลูกอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาได้เห็นคอนเทนต์ที่มีหลายคนนำภาพนิ่งมาทำให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว จึงอยากทำบ้าง แต่ลองทำผ่าน ChatGPT แล้วไม่ได้อย่างที่หวัง จึงมาขอความช่วยเหลือ
เมื่อเห็นคนจำนวนมากส่งมาให้ในช่องคอมเมนต์ก็รู้สึกประทับใจมาก โดยเขาเล่าว่า “เราเข้าใจว่าการนำภาพเราไปนั่งทำจะต้องสละเวลามาทำให้ ทำให้เราซาบซึ้งมากๆ”
คุณกิตติศักดิ์บอกว่า ภาพเคลื่อนไหวที่คนทำออกมาให้ มีรอยยิ้มและแววตาที่เหมือนลูกสาวมากๆ รวมถึงการขยับตัวที่สมจริง จนเขาบอกว่า “ มันช่วยมาชดเชยในสิ่งที่เราขาดไปได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะหามาได้อีกต่อไปแล้ว”
สำหรับความเห็นที่มีต่อ Generative AI เขาเล่าว่า เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และช่วยได้ในเวลาที่มีสิ่งที่เราต้องการจะอยู่ในจินตนาการ และอยากให้มันออกมาเป็นภาพที่เห็นได้จริง ถ้าไม่มี AI ก็จะเป็นได้เพียงภาพในจินตนาการต่อไปเท่านั้น
คุณกิตติศักดิ์บอกว่า “อยากขอขอบคุณสมาชิกกลุ่มทุกท่านที่ให้ให้กำลังใจและทำภาพให้” โดยเขาพยายามโหลดทุกภาพเท่าที่ทำได้ เพื่อชดเชยความคิดถึงต่อลูกสาวที่จากไป
จากเรื่องราวนี้ของคุณพ่อและลูกสาวชาวไทย ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สะท้อนถึงการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วของ Generative AI และการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและเรื่องความสัมพันธ์ โดยในต่างประเทศเองก็มีการนำไปใช้เช่นกัน เช่น การฝึกสอน AI ให้เรียนรู้วิธีการพูดของคนที่จากไปเพื่อที่จะได้รู้สึกเหมือนได้พูดคุยกันใหม่อีกครั้ง
อ้างอิงจาก