กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อมีคนแชร์คลิปวิดีโอที่บุคคลหนึ่งไล่ พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือ ‘หมอพรทิพย์’ ออกจากร้านอาหาร ระบุ ไม่เอา สว.คนนี้ พร้อมเรียกเธอว่า ‘สว.ขยะ’ จนนำมาสู่ความเห็นของคนบนโลกออนไลน์ที่มองว่าชายในคลิปทำเกินไป ในขณะเดียวกันก็มีคนที่มองว่าเป็นการแสดงออกถึง ‘cancel culture’ รูปแบบหนึ่งเช่นกัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้น เมื่อมีบุคคลอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้านแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ ถ่ายคลิปตัวเองขณะขับรถไปร้าน พร้อมเล่าว่าเขาได้รับข้อมูลที่คาดว่า พญ.พรทิพย์ ในฐานะ สว. น่าจะเข้าไปในร้านของเขา ทั้งยังระบุว่าเขาแค้นและเกลียดเธอมาก ถ้าเจอก็อาจจะขับรถชนและอาจจะลงไปตบเลยก็ได้
แต่หลังจากที่เขาลงรถ ก็ตะโกนบอกว่า “มึงออกจากร้านกูไปเลยนะ” แล้วไล่ให้ออกไป พร้อมกับกล่าวเป็นภาษาอังกฤษด้วยว่าเธอคอรัป และที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ เนื่องจาก พญ.พรทิพย์เป็น สว.ที่แย่มาก
ต่อมา ชายคนดังกล่าวก็บอกว่าที่นั่นคือร้านของเขา และยังบอกกับคนที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกับ พญ.พรทิพย์ว่าเขาไม่ได้ไล่ทุกคน แต่ไล่เฉพาะ พญ.พรทิพย์คนเดียวเท่านั้น
หนึ่งในผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งปรากฏต่อมาว่าคือ มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี จากพรรคภูมิใจไทย บอกว่าพวกเธอมาเที่ยว และขอให้เขาแยกแยะ
“อันนี้ผมว่าเขาคนเดียว ผมไม่ได้ว่าคนอื่น ผมว่าเขาคนเดียว สิ่งที่เขาทำกับประเทศไทยอะครับ รับไม่ได้รับ ผมรับไม่ได้ครับ… สว.คนนี้ผมไม่เอา เป็น สว.ขยะมาก ผมไม่เอา ขอเชิญออกไปเลยครับ” ทั้งเขายังกล่าวอีกว่า หากผู้ที่ร่วมเดินทางกับ พญ.พรทิพย์อยากนั่งในร้านนั้นต่อก็เชิญให้นั่งได้เลย
กลุ่มของ พญ.พรทิพย์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคล้ายจะถ่ายคลิปของเขาไว้ และถามว่าเขาเป็นเข้าของร้านนี้หรือ ชายคนนั้นก็ตอบว่า “ใช่ครับ ผมเป็นเจ้าของร้านนี้” แล้วทั้งหมดก็เดินออกไป โดยไม่ได้มีเหตุความรุนแรง หรือใช้กำลังตามที่ชายคนดังกล่าวระบุไว้ในตอนต้นคลิปแต่อย่างใด
หลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็เกิดเป็นการถกเถียงในโลกออนไลน์ โดยบางส่วนก็มองว่าการกระทำของชายคนดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสม และยังมีลักษณะของการ ‘ล่าแม่มด’ ที่ไปไล่คนเห็นต่างจากตนอีกเช่นกัน
อีกทั้งคำพูดตอนต้นคลิปที่ระบุว่าอาจจะขับรถชนหรือตบหน้า พญ.พรทิพย์ก็ดูน่ากลัว และไม่ควรสนับสนุนอย่างมาก เพราะเป็นกรณีที่เขาจะเข้าไปทำร้ายร่างกายคนอื่น
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีบางส่วนที่สนับสนุนการกระทำของชายคนดังกล่าว โดยมองว่าเป็น ‘cancel culture’ หรือการแบน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ในการ ‘ต่อต้านเผด็จการ’ และเป็นทางเดียวที่ประชาชนพอจะตอบโต้ได้
ทั้งนี้ ฝ่ายที่สนับสนุนก็ยังมองว่า เหตุผลของการแบน ไม่ใช่แค่ว่าเขาไม่ยกมือโหวตนายกฯ แต่ที่ผ่านมา สว.ยังเป็นกลไกลหนึ่งที่รัฐธรรมนูญปี 2560 วางไว้เพื่อขัดขวางประชาธิปไตยและกระบวนการต่างๆ ในรัฐสภา ซึ่งถ้าหาก พญ.พรทิพย์ รวมถึง สว.คนอื่นๆ ‘เคารพเสียงของประชาชน’ ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
รวมไปถึงยังมีฝ่ายที่มองว่า เข้าใจจุดประสงค์ของชายในคลิป แต่วิธีการดังกล่าวก็ไม่เหมาะสม เพราะควรไล่ด้วยวิธีการที่ดีกว่านี้ ทั้งยังอัดคลิปวิดีโอประจานอีก
นอกจากนี้ ก็ยังคงมีความเห็นที่มองว่า ถ้าประเทศไทยมี ‘นิติรัฐ’ จริงๆ ปัญหาเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ทางสำนักข่าว PPTV สอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับ พญ.พรทิพย์แล้ว ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “ขอกลับประเทศไทยก่อน ค่อยคุยกัน”
อ้างอิงจาก