สถานการณ์ในอิสราเอลยังคงรุนแรง มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 18 ราย ส่วนทูตไทยในอิสราเอลระบุว่า จะดูแลคนไทยทุกคนไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย แต่ต้องจัดลำดับให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดก่อน
วันนี้ (10 ตุลาคม) กาญจนา ภัทรโชค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รายงานสถานการณ์ของแรงงานไทยในอิสราเอล โดยอ้างอิงตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการที่ได้จากนายจ้างว่า
– มีผู้เสียชีวิต 18 ราย
– บาดเจ็บ 9 ราย
– ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย
– ประสงค์จะเดินทางกลับไป 3,226 ราย
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลประกาศว่า สามารถกระชับพื้นที่ในเขตเมืองต่างๆ ได้สำเร็จ และสามารถอพยพคนออกจากเมืองรอบฉนวนกาซาได้แล้ว 15 เมือง จากทั้งหมด 24 เมือง แต่ก็อาจยังมีผู้ก่อการร้ายหลงเหลือในพื้นที่บ้าง
ส่วนการโจมตีที่เกิดขึ้นในอิสราเอล เป็นการโจมตีที่มีรัศมีกว้าง และมุ่งเป้าที่จะทำลายระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ขณะที่อิสราเอลก็โจมตีปาเลสไตน์เช่นกัน
อย่างไรก็ดี จากกรณีที่กลุ่มฮามาสประกาศว่า หากอิสราเอลบุกปาเลสไตน์ ก็จะฆ่าตัวประกัน ทางโฆษกฯ ก็ให้ความเห็นว่า กลุ่มฮามาส ไม่น่าจะทำร้ายคนต่างชาติ เพราะไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้อง แล้วพวกเขาก็คงไม่อยากขยายความขัดแย้งเพิ่มเติม
ด้าน พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล ระบุว่าทางสถานทูตไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังพยายามติดต่อกับชาวไทย แต่ตอนนี้อยู่ในภาวะสงคราม อิสราเอลก็ได้แบ่งพื้นที่ตามความปลอดภัย โดยเฉพาะในแถบฉนวนกาซา ดังนั้น การช่วยเหลือของทางการอิสราเอลก็จะไปช่วยในทีละโซน
“ทุกเรื่องต้องใช้เวลา ต้องขอความวิงวอนให้ทุกฝ่ายเข้าใจในข้อจำกัดนี้” พรรณนภากล่าว
สำหรับคนไทยในอิสราเอลที่ประสงค์จะกลับไทย แต่ไม่มีเอกสารติดตัวมา พรรณนภาระบุว่าทางสถานทูตจะออกเอกสารการเดินทาง ‘CI’ ให้ พร้อมกับเตรียมอาหารและน้ำให้ โดยยืนยันว่าจะดูแลคนไทยทุกคนไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย แต่ต้องจัดลำดับให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดก่อน
ประเด็นเรื่องการช่วยเหลือ พรรณนภาระบุว่าตอนนี้มีการเปิดให้ลงทะเบียนทางกูเกิลฟอร์ม แต่ถ้าลงทะเบียนไม่ได้ ก็จะเปิดสายฮอตไลน์ ซึ่งตอนนี้ก็ยอมรับว่าสายไม่ว่างเลย และจะแก้ปัญหาในส่วนนี้
หลังจากลงทะเบียนแล้ว พรรณนภาแจ้งว่า จะมีเจ้าหน้าที่โทรกลับทุกคนที่ลงทะเบียน เพื่อยืนยันข้อมูลและเพื่อทราบสถานะ โดยจะต้องให้ความสำคัญกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับก่อน
ทั้งนี้ พรรณนภายืนยันว่าคนไทย 15 คน ที่มีรายงานว่าจะเดินทางกลับไทย จะเดินทางออกจากอิสราเอลวันที่ 11 ตุลาคมนี้แน่นอน เว้นแต่จะเกิดเหตุสุดวิสัย เช่นสนามบินปิด
อย่างไรก็ดี พรรณนภา ยอมรับว่าการเดินทาง [ไปช่วยเหลือ] ไม่ได้ทำง่ายนัก บางพื้นที่ก็สามารถเข้าไปได้แล้ว แต่บางพื้นที่ที่ใกล้แถบกาซาก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป แต่ก็จะพยายาม
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวในห้องแถลงข่าวถามต่อว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่าคนที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันจะปลอดภัยดี พรรณนภาก็ระบุว่า กำลังประสานผ่านช่องทางต่างๆ อย่างใกล้ชิด กรณีนี้ เป็นประเด็นเรื่องความมั่นคงที่ทางอิสราเอลให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือทุกคน ทุกชาติอย่างเท่าเทียมกัน “เราก็ขอฝากความหวังไว้ว่าพี่น้องชาวไทยจะได้รับการดูแล”
อย่างไรก็ตาม พรรณนภากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลสถานที่ที่ตัวประกันถูกจับไป แต่ทางอิสราเอลแจ้งว่ายังไม่ทราบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาทราบแต่ไม่บอกหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องของการปฏิการช่วยเหลือ โดยทางการอิสราเอลจะช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่
ประเด็นที่มีแรงงานไทยกล่าวว่าถูกบังคับให้ทำงานในสถานการณ์ตึงเครียดและมีการขายแรงงานนั้น พรรณนภากล่าวว่า กรณีนั้นถือเป็น ‘การย้ายงาน’ ซึ่งทางการอิสราเอลให้ข้อมูลว่า หลังนำคนออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัย ก็ไปฝากไว้ในพื้นที่ปลอดภัย “กรณีนี้ถือให้เป็นการให้แรงงานได้ย้ายงาน”
อ้างอิงจาก