“ผมฝันอยากให้ประเทศไทยมีซูเปอร์ฮีโร่เป็นของตัวเองเหมือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นจุดเช็คอินสำคัญของไทย เราจึงนำวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเป็นอนิเมชั่นไซไฟแนวสงครามอวกาศเรื่องแรก ปรับความเป็นพื้นบ้านของไทยเข้าสู่วัฒนธรรมร่วมสมัยและดึงซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล”
ประโยคที่ สรพีเรศ ทรัพย์เสริมศรี ผู้บริหาร RiFF Studio ซึ่งรับหน้าที่ทั้งเขียนบทและอำนวยการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นสัญชาติไทยเรื่องใหม่อย่าง นักรบมนตรา: ตำนานแปดดวงจันทร์ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความตั้งใจที่จะปลุกปั้นผลงานที่อาจเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอนิเมชั่นไทยในอนาคต
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการต่อยอดมาจากอนิเมชั่นขนาดสั้นเรื่อง RAAM : Bride To Lanka เกิดเป็นเรื่องราวว่าด้วยมหาศึกสงคราม ระหว่างกองทัพแห่งองค์รามและจักรพรรดิทศกัณฐ์ที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนานไม่จบสิ้น ทว่าในระหว่างการสู้รบนั้นเอง ทศกัณฐ์ก็สามารถลักพาตัวพระแม่สีดาไปจากองค์รามได้สำเร็จ เพราะเชื่อตามตำนานที่ว่า ทุกๆ 500 ปี พลังแห่งเทพที่สามารถสร้างหรือทำลายทุกสรรพสิ่งในพริบตาจะตื่นขึ้นในร่างสตรีนางหนึ่ง ซึ่งสำหรับทศกัณฐ์แล้ว พลังอันยิ่งใหญ่นี้จะซุกซ่อนอยู่ในตัวใครไปไม่ได้นอกจากพระแม่สีดา
ด้วยเหตุนี้ องค์รามจึงต้องส่ง 3 นักรบอย่างวายุ เวฬา และบุษบา ให้ออกตามหาและนำตัวพระแม่สีดากลับคืน ซึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ภารกิจของทั้งสามประสบความสำเร็จ และองค์รามสามารถเอาชนะสงครามระดับจักรวาลครั้งนี้ได้ คือการปรากฏตัวของนักรบมนตรา ขุนศึกในตำนานผู้จะถือกำเนิดขึ้นในห้วงเวลาที่ดวงจันทร์ทั้ง 8 แห่งดาววานาราเรียงตัวกัน
จากเรื่องย่อ ทุกคนคงพอสัมผัสได้ถึงการดึงเอาความเป็นไทยจากรามเกียรติ์มาแต่งสี เติมแสง และดัดแปลงออกมาให้ร่วมสมัยและดูสากลมากยิ่งขึ้น โดยทางฝั่งของงานภาพ สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังการเนรมิตสงครามอวกาศองค์ราม-ทศกัณฑ์อย่าง RiFF Studio ได้นำประสบการณ์จากทั้งผลงานไทยและเทศมาผสมผสานร้อยเรียงเพื่อให้ทั้งแสง สี และเสียงมีความกลมกล่อม ดูเพลินทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยทักษะของสตูดิโอเจ้านี้เรียกได้ว่าเหลือล้น ไล่ตั้งแต่การรังสรรค์ฉากอนิเมชั่นในภาพยนตร์เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ พญานาคในนาคี 2 เทคนิคพิเศษในบุพเพสันนิวาส 2 อนิเมะญี่ปุ่นอย่างอีวานเกเลียน ตลอดจนเว็บซีรีส์ไทย-อเมริกันอย่าง Bloody Bunny: The First Blood ซึ่งเมื่อมาประกอบกับงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ก็ยิ่งช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า นักรบมนตราจะต้องออกมายิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
ในส่วนของตัวบท อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ได้ 2 ผู้กำกับหนังไทยน้ำดีอย่าง หมู—ชยนพ บุญประกอบ จาก SuckSeed ห่วยขั้นเทพ และ กอล์ฟ—ปวีณ ภูริจิตปัญญา จากบอดี้..ศพ#19 มาให้คำปรึกษา ช่วยหาจุดกึ่งกลางระหว่างตำนานแบบไทยๆ กับความไซ-ไฟวิทยาศาสตร์แบบตะวันตก ส่งให้การเล่าเรื่องมีความลื่นไหล ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่แน่ว่าบางที นักรบมนตราอาจจะเป็นก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในการต่อยอดอุตสาหกรรมอนิเมชั่นไทยให้ยืนหยัดได้บนเวทีโลก ซึ่งสรพีเรศ ทรัพย์เสริมศรี ผู้บริหาร RiFF Studio ก็มีความตั้งใจที่จะยกระดับผลงานขององค์กรให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่คนดูเห็นแล้วต้องจำได้เหมือนอย่างที่ Studio Ghibli ของญี่ปุ่นสามารถสร้างลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ได้สำเร็จ
ก็คงต้องร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ว่า เสียงตอบรับของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร และวงการอนิเมชั่นของไทยจะไปได้ไกลสักแค่ไหน
อ่านบทสัมภาษณ์ RiFF Studio ในวันที่ทำเมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ ได้ที่ https://thematter.co/entertainment/riff-studio-from-may-who-to-raam/17745
ชมตัวอย่างนักรบมนตรา: ตำนานแปดดวงจันทร์ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=UW5P7QkYLqY
และชมภาพยนตร์ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
อ้างอิงจาก