สถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส กลุ่มติดอาวุธมีแน้วโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อล่าสุด โรงพยาบาลในฉนวนกาซาถูกระเบิดถล่ม คาดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 500 คน และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
เมื่อคืนนี้ (17 ตุลาคม) ตามเวลาท้องถิ่น เกิดการโจมตีโรงพยาบาลอัล-อะห์ลี อัล-อาระบี แบปทิสต์ (al-Ahli al-Arabi Baptist Hospital) ที่ฉนวนกาซา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมากมาย ทั้งนี้ การโจมตีสถานพยาบาลถือเป็นเรื่องต้องห้ามในภาวะสงคราม
สาเหตุที่ผู้เสียชีวิตมีจำนวนหลักร้อย เนื่องจากโรงพยาบาลดังกล่าวถือเป็นที่ปักหลักของชาวกาซาที่พลัดพรากจากบ้าน โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ที่ดำเนินการโจมตีโรงพยาบาลกันแน่
อย่างไรก็ดี มาห์หมูด อับบาส (Mahmoud Abbas) ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ประณามอิสราเอลที่โจมตีใส่โรงพยาบาลว่าเป็น “สงครามการสังหารหมู่ที่น่ารังเกียจ” และกลุ่มฮามาสยังประณามเหตุระเบิดในครั้งนี้ว่า “อิสราเอลกำลังก่ออาชญากรรมสงคราม”
ด้านรัฐบาลอิสราเอลตอบโต้ว่า “กองทัพไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยชี้ว่าเป็นฝีมือของ ‘ปาเลสไตน์ อิสลามิก จิฮัด (Palestinian Islamic Jihad)’ กลุ่มติดอาวุธ ที่ยิงจรวดพลาดใส่โรงพยาบาลเอง ทว่ากลุ่มนี้ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น ‘น้องชายของฮามาส’ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี
ทั้งนี้ นับแต่วันที่ 7 ตุลาคม ที่กลุ่มฮามาสเข้าโจมตีอิสราเอล กองทัพอิสราเอลก็ใช้การโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอย่างน้อย 2,000 คน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 12,500 คน
ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ยังเกิดเสียงประณามจากผู้นำตะวันตกและอาหรับ เช่น อันโตนิโอ กูเตร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า “ผมขอประณามกับการสังหารพลเรือนปาเลสไตน์หลายร้อยคน” มาร์ค เรเกฟ (Mark Regev) อดีตเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหราชอาณาจักร ระบุว่า เหตุระเบิดที่โรงพยาบาลเป็นผลจากการยิงจรวดพลาดของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์
ท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มฮามาสและฮิชบอลเลาะห์ที่ปกครองพื้นที่ทางใต้ของเลบานอน กล่าวหาว่า สหรัฐฯ มีส่วนต้องรับผิดชอบเนื่องจากเป็นฝ่ายสนับสนุนอิสราเอล นอกจากนี้ ชาวปาเลสไตน์ยังออกมาประท้วงในหลายเมืองของเขตเวสต์แบงก์ และในเลบานอนมีผู้ประท้วงรวมตัวกันหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เพื่อให้ชาวมุสลิมและชาติอาหรับลงถนนและรวมตัวกันเพื่อแสดงความไม่พอใจ
อ้างอิงจาก