หลังจากกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลตั้งแต่ 7 ตุลาคม จวบจนวันนี้การโจมตีของทั้ง 2 ฝ่ายยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และล่าสุดอิสราเอลประกาศว่า จะทำลายล้างกลุ่มฮามาส โดยได้ระดมกำลังพลและรถถังไปประชิดฉนวนกาซา พร้อมขีดเส้นตายให้ชาวปาเลสไตน์ 1.1 ล้านคนอพยพลงใต้ให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม คนปาเลสไตน์บางส่วนเริ่มอพยพตามคำสั่งแล้ว ทว่ามีคนบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่ง เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ และบุคลากรทางแพทย์ที่ดูแลพวกเขา ดังนั้น The MATTER จะชวนมาดูว่าสถานการณ์โรงพยาบาลในฉนวนกาซาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นที่เมื่อวานนี้ (15 ธันวาคม) องค์การสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า ปริมาณเชื้อเพลิงสำรองของโรงพยาบาลในฉนวนกาซาเหลือใช้ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง “การปิดเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรองจะทำให้ชีวิตของผู้ป่วยหลายพันคนตกอยู่ในความเสี่ยง”
ทั้งนี้ คำเตือนของ UN เกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานบรรเทาทุกข์หลายแห่งเรียกร้องให้เปิดทางช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ฉนวนกาซา โดยรวมถึงการส่งเชื้อเพลิงและน้ำ ซึ่งมีศัลยแพทย์ที่ทำงานอยู่ที่ชายแดนของฉนวนกาซากล่าวว่า “แต่ละวันเราใช้เวชภัณฑ์เทียบเท่าที่ปกติใช้ได้ถึง 1 เดือนครึ่ง”
ไม่เพียงเท่านั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ประณามคำสั่งของอิสราเอลที่ให้อพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล 22 แห่งทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งมีคนไข้มากกว่า 2,000 คน “การบังคับให้ผู้ป่วยหลายพันคนอพยพเปรียบได้กับคำสั่งประหารชีวิต” เนื่องจากมีหลายคนมีอาการเข้าขั้นวิกฤตและจำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์เพื่อให้มีชีวิตรอด
เช่น เครื่องช่วยหายใจ ตู้อบสำหรับเด็กทารก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้ระหว่างอพยพได้ และ WHO เสริมว่า บุคลากรด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่ที่เดิม แทนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีอาการหนัก เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ป่วยเหล่านี้จะไม่รอด
นอกจากนี้ สำนักงานบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกกลาง (UNRWA) แสดงความเห็นว่า แม้อิสราเอลจะออกคำสั่งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพไปทางใต้ แต่คนกลุ่มหนึ่งที่หมายถึงเด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา และผู้ทุพพลภาพไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้
UNRWA ชี้ว่า สงครามต้องมีกฎเกณฑ์ พลเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน และคลินิก ต้องไม่เป็นเป้าหมายในการโจมตี “..นี่เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เราเคยเจอมา นี่กำลังถึงจุดต่ำสุด ฉนวนกาซาถูกผลักลงสู่เหว”
ท้ายที่สุดแล้ว WHO เรียกร้องให้อิสราเอลยกเลิกคำสั่งอพยพในเขตกาซาทันที และขอให้ปกป้องสถานที่ทางการแพทย์ ปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและพลเรือน รวมถึงขอให้มีการเปิดเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับการขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ เชื้อเพลิง น้ำสะอาด อาหารและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในกาซา
อ้างอิงจาก