กอ.รมน. จำเป็นไหม?
ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 พ.ศ. …. หรือที่เรียกว่า ‘ร่าง พ.ร.บ.ยุบ กอ.รมน.’ เปิดให้รับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา และขณะนี้ก็ยังคงเปิดรับฟังความเห็นในเว็บไซต์ของสภาอยู่
ข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม เวลา 16.00 น. พบว่ามีคนที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งสิ้น 38,142 คน ในจำนวนนี้ มีคนที่เห็นด้วยว่าควรยุบ 27.51% ไม่เห็นด้วย 71.86% และงดออกเสียง 0.63%
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.นี้ มีขึ้นเพื่อยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายใน 2 ฉบับ ได้แก่
– ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
– ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 51/2560 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ส่วนกิจการ บรรดาทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ข้าราชการพลเรือน ที่ประจำกอง กอ.รมน. ให้โอนเป็นของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
เหตุผลที่ต้องยกเลิก ทางผู้เสนอเห็นว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับให้อำนาจข้าราชการทหารในการดำเนินงานเรื่องความมั่นคงภายในประเทศผ่าน กอ.รมน.ที่มีความสลับซับซ้อน และซ้อนทับกับหน่วยงานอื่น “ทำให้สิ้นเปลืองกำลังคน เงินงบประมาณของประเทศ”
ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวนี้ เสนอโดย รอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคก้าวไกล โดยเขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) ว่า กอ.รมน.เป็นองค์กรพิเศษที่ฟื้นคืนชีพในปี 2551 หลังการรัฐประหาร 2549 มีลักษณะเป็นหน่วยงานที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่อาศัยกรอบคิดเรื่องภัยคุกคามด้านความมั่นคงเข้ามาควบคุมแทรกแซงชีวิตของพลเรือน จึงได้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกลไกพิเศษที่นำโดยทหาร ลดมาตรการทางทหาร สถาปนาประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นและสถาปนาสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้
รวมไปถึง ร่างกฎหมายดังกล่าว ก็ยังเป็น 1 ในนโยบายหาเสียงด้านการปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล ที่ระบุอยู่บนเว็บไซต์ว่า หลังจากเปลี่ยนการปกครอง 2475 ทหารและกองทัพก็เข้ามา “แทรกแซงและทำลายพัฒนาการของประชาธิปไตยมาโดยตลอด”
พรรคก้าวไกลยังระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทหารและกองทัพมีอิทธิพลทางการเมืองผ่านโครงสร้างรัฐ ที่จัดวางอำนาจรัฐให้อยู่เหนือรัฐบาลพลเรือน
อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเห็นที่มองว่าไม่ควรยกเลิก กอ.รมน.เพราะอาจจะเป็นการเปิดช่องให้มีการก่อการร้ายหรือใช้ความรุนแรงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกวินิจฉัยให้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน ซึ่งจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ต่อเมื่อนายกฯ ให้คำรับรอง ซึ่งรอมฎอนก็เห็นว่า นายกฯ ควรเปิดโอกาสให้สภาฯ ได้ถกเถียงกัน ไม่ควรจะปัดตกตั้งแต่ต้น
สามารถแสดงความเห็นได้ที่: parliament.go.th
อ้างอิงจาก
election66.moveforwardparty.org