ชัยภูมิ ป่าแส คือนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาติพันธุ์ลาหู่ ต่อสู้เพื่อสิทธิชนพื้นเมืองและคนไร้สัญชาติ เขาถูกฆาตกรรมโดยทหารเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560
เวลาล่วงเลยมาเกือบ 6 ปี วันนี้ (16 พฤศจิกายน) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม มูลนิธิด้านสิทธิมนุษยชน รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า “ศาลฎีกาพิพากษาสั่งให้กองทัพบกชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวผู้ตายในคดี ชัยภูมิ ป่าแส เป็นจำนวนเงิน 2,072,400 บาท”
ซึ่งพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยืนยันกับ The MATTER ด้วยว่า ศาลฎีกาพิพากษาให้กองทัพบกใช้ค่าเสียหายจริง โดยจะต้องจ่ายภายใน 30 วัน
คดีนี้มี นาปอย ปาแส แม่ของชัยภูมิเป็นโจทก์ฟ้องแพ่ง ร้องเรียกค่าเสียหายต่อกองทัพบกในฐานะจำเลย ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นการฟ้องร้องตั้งแต่ปี 2562
ซึ่งที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เคยพิพากษายกฟ้องกรณีนี้ เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่กระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ทำให้กองทัพบกไม่เคยต้องรับผิดชอบค่าเสียหายแก่แม่ของชัยภูมิ
อย่างไรก็ดี ครอบครัวของชัยภูมิเดินหน้ายื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ต่อมาศาลฎีกาก็มีคำสั่งรับฎีกาไว้พิจารณา จนศาลฎีกามีคำสั่งให้กองทัพบนชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาทในวันนี้
เกิดอะไรขึ้นกับชัยภูมิ? เล่าย้อนว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ชัยภูมิถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจใช้อาวุธยิงจนเสียชีวิต ภายหลังจากโดนเรียกตรวจค้นรถยนต์ที่ขับผ่านด่านตรวจบ้านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เจ้าหน้าที่อ้างว่าชัยภูมิขัดขืนและทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธมีดและระเบิดขว้างสังหาร จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธยิงปืนตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาด้วยว่าพบยาบ้าจำนวน 2,800 เม็ดซ่อนอยู่ในรถของชัยภูมิอีกด้วย
การเสียชีวิตของชัยภูมินำมาสู่การตั้งคำถามจากสังคมวงกว้าง ทั้งความเคลือบแคลงใจต่อข้อเท็จจริงของเหตุการณ์การตาย ปากคำของพยานแวดล้อมที่ไม่ตรงกัน (เช่น ฝั่งหนึ่งบอกว่าชัยภูมิขัดขืน พกอาวุธระเบิด มียาบ้า จะต่อสู้ ขณะที่ชาวบ้านในที่เกิดเหตุให้สัมภาษณ์กับ ThaiPBS ว่า ชัยภูมิโดนลากออกมาซ้อม พอวิ่งหนีก็โดนไล่ยิง) และความไม่ชอบมาพากลที่นักสิทธิมนุษยชนถูกเจ้าหน้าที่รัฐยิงจนเสียชีวิต
ไหนจะปมภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ขณะวิสามัญฆาตรกรรมที่ไม่เคยปรากฎสู่สายตาสาธารณะ ขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ขณะนั้นพาดพิงถึงว่า “เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว แต่ไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด”
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นี่เป็นเพียงการรับผิดทางแพ่ง และยังไม่มีเจ้าที่รัฐต้องรับผิดโทษทางอาญาแต่อย่างใด
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/CrCF_Thailand/status/1724728463498895777
https://twitter.com/CrCF_Thailand/status/1724984343830081844
https://www.facebook.com/thematterco/posts/1857329271149133/
https://www.facebook.com/thematterco/posts/1857329271149133/
https://prachatai.com/journal/2019/03/81562