เริ่มต้นการประชุมระดับผู้นำ ในห้วง APEC ที่นครซานฟรานซิสโก อย่างเป็นทางการ สำหรับวันที่ 16 พฤศจิกายน ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งก็พบว่า นายกฯ ของไทย ได้เข้าร่วมการประชุมจำนวนมาก ภายหลังจากวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาบนเวที APEC CEO Summit ก่อนจะร่วมวงดินเนอร์กับในช่วงเย็นวันดังกล่าว
สำหรับวันที่ 16 พฤศจิกายน ภารกิจสำคัญของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คือ การเข้าร่วมหารือช่วงอาหารกลางวัน ระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจ กับแขกพิเศษ (อินเดีย ฟิจิ และโคลอมเบีย) ที่ศูนย์การประชุม มอสโคนี เซ็นเตอร์ (Moscone Center)
ขณะที่ในช่วงเย็น ก็เข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ที่จัดโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ โถงลีเจียนออฟออเนอร์ (Legion of Honor) ในซานฟรานซิสโก
ไฮไลต์หนึ่งของวันนี้ คือ การถ่ายภาพหมู่ระหว่างผู้นำทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจของ APEC ก่อนการหารือช่วงกลางวัน
ในเรื่องนี้ เชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับ The MATTER อธิบายถึงความสำคัญของการถ่ายภาพหมู่ครั้งนี้ว่า
“จริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย จากการเกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เราเห็นกันทั่วโลก ปีที่แล้วที่เราเป็นเจ้าภาพ เราไม่สามารถที่จะจัดเรื่องของการถ่ายภาพหมู่ได้ ในปีนี้ เจ้าภาพ สหรัฐฯ ก็สามารถที่จะจัดการถ่ายภาพหมู่ขึ้นมาได้ โดยผู้เข้าร่วมครบทุกเขตเศรษฐกิจของ APEC รวมทั้งแขกของประธานด้วย”
แต่สิ่งที่บุคลากรกระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญ คือ การที่นายกฯ เศรษฐา ได้ยืนถ่ายภาพติดกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐฯ รวมถึงได้นั่งรับประทานอาหารค่ำติดกับไบเดนด้วยเช่นกัน
“จุดที่น่าสนใจมากๆ คือว่า สหรัฐฯ ก็ให้ความสำคัญกับไทยมาก ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพ APEC ในปีที่แล้ว ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ยืนถ่ายติดกับเจ้าภาพ ก็คือ ท่านประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสแรกๆ ในการประชุมในสัปดาห์นี้ ที่ผู้นำจะได้มีโอกาสเจอกันใกล้ชิด” เชิดชายอธิบาย
“ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะมีเวลาได้อยู่กับผู้นำของประเทศที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และมีผลประโยชน์ทางด้านการค้าการลงทุนกับไทยมากมาย”
เชิดชายอธิบายต่อไปว่า สาระสำคัญในการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC คือ ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เชื่อมโยงมาถึงการให้ความสำคัญกับเอกสาร ‘เป้าหมายกรุงเทพฯ’ (Bangkok Goals) ที่กล่าวถึงโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งไทยเป็นผู้ผลักดัน นอกจากนี้ หลายส่วนก็แสดงความกังวลถึงความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางด้วย ซึ่งจะกระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากนี้ นายกฯ ยังได้เข้าร่วมประชุมทวิภาคี นั่นคือ การประชุมร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ คู่ขนานไปกับการประชุมหลักของ APEC
โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เศรษฐาได้หารือกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) นายกฯ ญี่ปุ่น ส่วนในวันที่ 16 พฤศจิกายน มีการหารือกับ จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกฯ แคนาดา, แอนโทนี แอลบาเนซี (Anthony Albanese) นายกฯ ออสเตรเลีย, จีนา เรมอนโด (Gina Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ
ส่วนในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน นอกเหนือจากการพบปะกับชุมชนไทยในสหรัฐฯ นายกฯ ก็มีกำหนดการพบปะกับ ดินา โบลูอาร์เต (Dina Boluarte) ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัด APEC ในปีหน้า คือ ปี 2024 ด้วย
“เป็นประเทศที่เราให้ความสำคัญทั้งหมด” เชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกับ The MATTER
เชษฐพันธ์ อธิบายเนื้อหาการพูดคุยสำหรับแต่ละประเทศว่า สำหรับญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีการลงทุนในไทยมากเป็นอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน สิ่งที่ไทยย้ำ คือ อยากให้มองไทยเป็นฐานการลงทุนของธุรกิจญี่ปุ่นต่อไป โดยเฉพาะยานยนต์ ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ EV ไทยยืนยันจะมีมาตรการและความร่วมมือต่างๆ ในการผลิตรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันได้ ในขณะเดียวกันก็พร้อมเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ EV
สำหรับแคนาดา แม้อาจจะดูห่างไกล หรือมีการลงทุนของแคนาดายังไม่มาก แต่อธิบดีกรมอเมริกาฯ ชี้ว่า เห็นถึงศักยภาพระหว่างกัน โดยแคนาดาให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาด ขณะเดียวกับที่ไทยก็เชื้อเชิญมาลงทุน ทำให้ไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของไทย ทำให้ต่างชาติอยากมาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ ก็ยังมีประเด็นของความร่วมมือระดับประชาชนกับประชาชน เช่น การศึกษา เป็นต้น
ส่วนการหารือกับ จีนา เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ถือเป็นการพูดคุยในประเด็นเฉพาะ นั่นคือเรื่อง ‘เซมิคอนดักเตอร์’ (semiconductor) ที่สหรัฐฯ ตระหนักดีว่า ต้องกระจายความเสี่ยง จากฐานผลิตสำคัญ คือ ไต้หวัน ไปที่อื่น ซึ่งไทยก็ประกาศว่า ไทยพร้อมเป็น ‘friendshoring base’ หรือเป็นฐานของการกระจายความเสี่ยงของสหรัฐฯ ได้
“ดังนั้น ในภาพรวม ก็เป็นการพูดคุยระหว่างมิตรประเทศด้วยกัน [นายกฯ] ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่พบกับเขาอย่างเป็นทางการ ภายหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เป็นโอกาสได้มากระชับความสัมพันธ์กันอีกในระดับผู้นำ” เชษฐพันธ์ระบุ