ทั่วทุกมุมโลกตอนนี้ต่างประสบกับอุณหภูมิอากาศที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนเกิดนำ้ท่วมรุนแรง ไฟป่า ซึ่งสืบเนื่องมาจากภาวะโลกเดือดทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี ในอีก 26 ปีข้างหน้านี้ วิกฤติดังกล่าวจะทำให้รายได้ของผู้คนทั่วโลกลดลงประมาณ 19%
ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะโลกเดือดจะสร้างผลกระทบต่อทั้งด้านเกษตรกรรม แรงงาน หรือแม้แต่ความสามารถทางปัญญา” โนอาห์ ดิเฟนโบห์ (Noah Diffenbaugh) ศาสตราจารย์ด้านสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าว
นักวิจัยยังประเมินว่า โลกต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 2 ร้อยล้านล้านบาท) ภายในปี 2050 ไปกับผลกระทบที่เกิดจากอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ดังนั้นความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น มีราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าค่าใช้จ่ายในการบรรเทาวิกฤตสภาพภูมิอากาศถึง 6 เท่า
ดิเฟนโบห์ เสริมว่า “อีกปัญหาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในวิกฤตนี้ คือ ความเหลื่อมล้ำ” เพราะผู้คนที่อาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และเอเชียใต้ มีแนวโน้มที่จะได้รับรายได้ลดลงมากที่สุด
ซึ่งการศึกษาจาก Nature ประเมินว่า ในอีก 26 ปีข้างหน้า ประชาชนอเมริกาเหนือและยุโรปจะมีรายได้ลดลงราว 11% เมื่อเทียบกับเอเชียใต้และแอฟริกาที่จะมีรายได้ลดลงมากกว่าถึง 22%
อ้างอิงจาก