“ตะกั่วระดับสูงที่ตรวจพบในเส้นผมของเบโธเฟน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทําให้เขาต้องทุกข์ทรมานจากโรคภัยจวบจนวาระสุดท้าย”
เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาตร์พบว่านอกจากที่ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน (Ludwig van Beethoven) สูญเสียการได้ยินแล้ว นักแต่งเพลงคลาสสิกในตำนานยังมีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร รวมถึงยังต้องเผชิญกับโรคตับและไตอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ตลอดที่ผ่านมาเชื่อกันว่าเบโธเฟนเสียชีวิตจากโรคตับและไตเมื่ออายุ 56 ปีเท่านั้น แต่ไม่มีใครทราบอย่างแท้จริงว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีปัญหาสุขภาพมากมายขนาดนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็อยากทราบคำตอบดังกล่าวไม่ต่างกัน
ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยระดับนานาชาติได้ศึกษาเส้นผมของเขาที่ถูกเก็บรักษาไว้ ด้วยการวิเคราะห์ DNA และเมื่อเดือนมีนาคม 2023 ก็มีการเปิดเผยว่า เบโธเฟนมีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมสําหรับโรคตับ และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสาเหตุของอาการหูหนวก ซึ่งเขาเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุ 20 ปี รวมทั้งปัญหาทางเดินอาหารของเขา
อย่างไรก็ดี การค้นพบล่าสุดชี้ว่าเส้นผมของเขามีสารตะกั่วที่มีความเข้มข้นสูง รวมถึง ‘สารหนู’ และ ‘ปรอท’ ที่ยังคงติดอยู่ในผมของเขามาเกือบ 200 ปี ซึ่งสารเหล่านี้ถือเป็นสาเหตุสำคัญว่าทำไมนักแต่งเพลงระดับโลกถึงป่วยเรื้อรังถึงเพียงนี้
แล้วทำไมร่างกายของเบโธเฟนถึงมีสารหนู ตะกั่ว และปรอท?
นักวิจัยคาดว่า เกิดจากวิถีการกินของเขา เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าเบโธเฟนชอบดื่มไวน์ ขนาดที่ว่าดื่มวันละขวด ทว่าไวน์ที่เขาชอบดื่มมีความเกี่ยวข้องกับตะกั่วอะซิเตตที่เป็นสารให้ความหวานและสารกันบูด นอกจากนี้ ตะกั่วยังใช้ในการผลิตแก้วเพื่อให้เครื่องแก้วมีรูปลักษณ์ที่ชัดเจนและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น เบโธเฟนยังชอบกินปลา และในขณะนั้นแม่น้ําดานูบในยุโรปถือเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสำคัญ ซึ่งหมายความว่าของเสียมักถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ ดังนั้น สัตว์ทะเลที่อยู่บริเวณนี้ก็จะปนเปื้อนไปด้วยสารหนูและปรอท
“การได้รับสารตะกั่วและสารอื่นๆ อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร โรคไต และการได้ยินที่ลดลง” นักวิจัยกล่าว
อ้างอิงจาก