คุณคิดว่าคุณกินโปรตีน ‘เพียงพอ’ ไหม?
เราคงจะคุ้นเคยจากบทเรียนสมัยเด็กๆ ว่าการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และได้รับสารอาหารที่เพียงพอนั้นมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร ซึ่งหนึ่งในสารอาหารหลักที่คนเราควรได้รับ คือ ‘โปรตีน’ โดยมีแหล่งโปรตีนชั้นดีอย่างไข่ นม และเนื้อสัตว์ต่างๆ
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา มีรายงานว่า ราคาเนื้อไก่สดขึ้นราคาจากกิโลกรัมละ 50 บาท เป็น 80 บาท หรือขึ้นพรวดมาจากเดิมถึง 37.5% ซึ่งก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา เนื้อหมู และไข่ไก่ ก็ขึ้นราคาอยู่เรื่อยๆ
เหล่านี้จึงนำมาซึ่งการตั้งคำถามและการถกเถียงกันบนโซเชียลมีเดีย ว่าหลังจากนี้ คนไทยจะสามารถเข้าถึงโปรตีนเพียงพอได้อย่างไร?
ส่วนหนึ่งมองว่าไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลจนเกินไป เพราะเมื่อทานอาหารครบ 3 มื้อเดี๋ยวก็ได้รับโปรตีนเพียงพอแล้ว ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งแสดงความกังวลว่า ก่อนหน้านี้คนไทยก็กินเนื้อสัตว์น้อยอยู่แล้ว หากราคาสูงขึ้นเช่นนี้ ก็จะยิ่งเข้าถึงโปรตีนได้ยากขึ้น และเกิดเป็นปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาทางสาธารณสุขต่อไปในอนาคตได้
คำว่า ‘เพียงพอ’ ที่คนถกเถียงกันหมายถึงอะไรกันแน่ และการขาดโปรตีนของคนไทยจะเป็นปัญหาใหญ่ขนาดนั้นจริงหรือ? จากข้อถกเถียงเหล่านี้ The MATTER จึงจะชวนไปทำความรู้จัก และสำรวจความสำคัญของ ‘โปรตีน’ ให้มากขึ้นกัน
‘โปรตีน’ สำคัญอย่างไร และต้องกินมากเท่าไร ถึงจะเรียกว่าเพียงพอ?
คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ถือเป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งโปรตีนจะมีบทบาทสำคัญหลายประการ ทั้งการสร้าง ซ่อมแซม และรักษากล้ามเนื้อ กระดูก และผิวหนัง รวมไปถึงผลิตแอนติบอดี้ เอนไซม์ ช่วยขนส่งและเก็บรักษาโมเลกุลต่างๆ และยังมีส่วนควบคุมฮอร์โมนบางอย่างที่มีความสำคัญกับร่างกายอีกด้วย
คำแนะนำจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ในแต่ละวัน คนทั่วไปต้องการโปรตีน 0.8-1 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่ถ้าหากเป็นคนออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ จะต้องการโปรตีน 2-3 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น ในความเป็นจริงอาจต้องคำนึงถึงวัย มวลกล้ามเนื้อ กิจกรรมในแต่ละวัน หรือโรคประจำตัวด้วย
เช่น หากมีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ก็ควรได้รับโปรตีนวันละ 40-50 กรัม แต่ถ้าหากเป็นคนออกกำลังกาย ก็ควรได้รับโปรตีนถึงวันละ 100-150 กรัม
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปจะได้โปรตีนเท่าไร?
จากการถกเถียงบนโซเชียลมีเดีย จะพบความเข้าใจผิดหนึ่งว่า หากกินเนื้อสัตว์ไปกี่กรัม ก็จะได้รับโปรตีนในปริมาณเท่ากับปริมาณเนื้อสัตว์ ซึ่งจริงๆ แล้วปริมาณเนื้อสัตว์กับปริมาณโปรตีนที่ได้รับจะไม่เท่ากัน
เช่น เนื้ออกไก่และเนื้อหมูหนัก 100 กรัม ก็ไม่ได้ให้โปรตีนเท่ากับ 100 กรัมแต่อย่างใด แต่ให้โปรตีนเพียงประมาณ 23 กรัม หรือเนื้อกุ้ง 3-5 ตัว จะให้โปรตีนประมาณ 7 กรัม และไข่ไก่ 1 ฟอง จะให้โปรตีนประมาณ 7 กรัม ดังนั้นจึงจะต้องคำนวณหรือกะประมาณด้วยตัวเองว่า แต่ละมื้อได้รับโปรตีนแล้วเท่าไร และยังขาดอีกเท่าไร
ถ้ากินโปรตีนไม่ถึงปริมาณที่เหมาะสม จะเป็นอะไรไหม?
คำตอบคือ ‘เป็น’ เพราะการไม่ได้กินโปรตีนไม่ได้จบแค่การ ‘ไม่อิ่ม’ แต่ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าโปรตีนมีหลายบทบาทสำคัญกับร่างกาย ดังนั้นหากได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จึงจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยอาจจะเกิดความผิดปกติของร่างกายอีกด้วย
คนที่ขาดโปรตีน อาจสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ เพราะร่างกายจะนำโปรตีนที่สะสมไว้ในกล้ามเนื้อมาใช้แทน อาจบวมน้ำ เพราะโปรตีนที่ช่วยทำหน้าที่ป้องกันการสะสมของเหลวในเนื้อเยื่อร่างกายมีปริมาณลดลง เส้นผม เล็บ ผิว อาจผิดปกติ เช่น ผมบาง ผิวลอก เล็บเปราะ นอกจากนั้นยังทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เพราะไม่มีโปรตีนไปเลี้ยงเม็ดเลือดแดงที่ช่วยเลี้ยงออกซิเจนไปทั่วร่างกาย และอาจป่วยบ่อย เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น บาดแผลหายช้าลง
นอกจากนั้น สิ่งที่คนมักนำมาทดแทนจากการขาดโปรตีน คือการบริโภค ‘คาร์โบไฮเดรต’ ในปริมาณมาก เพราะคาร์โบไฮเดรตทำให้อิ่มนานขึ้น และได้รับพลังงาน แต่ถึงอย่างนั้น การรับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดโรคอ้วน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และอาจกลายเป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี หากได้รับโปรตีนมากเกินความจำเป็นก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน เพราะจะทำให้เลือดในร่างกายเป็นกรดมากขึ้น และไตจะทำงานหนักขึ้นเพื่อขับกรดออกจากร่างกาย ส่งผลให้ไตเสื่อมลง หรือเกิดภาวะโรคไตเรื้อรังได้
รศ.พญ.ปิยวรรณ กิตติสกุลนาม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สรุปคำแนะนำว่า ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนที่เหมาะสม ควบคู่กับการรับพลังงานจากสารอาหารอื่นอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสามารถดึงโปรตีนไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด
แต่ในเมื่ออาหารที่เป็นแหล่งโปรตีน นับวันก็มีแต่จะแพงขึ้น ดังนั้นจึงควรตั้งคำถามกันต่อไปว่า สถานการณ์ด้านสารอาหารและสุขภาพของคนไทยจะเป็นอย่างไรต่อ จะมีผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขที่จะต้องรองรับผู้ป่วยมากขึ้นหรือไม่ รวมถึงภาครัฐจะเข้ามามีบทบาทในการควบคุมราคาอาหาร ไปจนถึงการรองรับปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างไรต่อไป จึงเป็นประเด็นที่ควรติดตาม
อ้างอิงจาก