หลังจาก BYD (Build Your Dream) ประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลงด้วยส่วนลดหลักแสนบาท ทำให้เหลือราคาเริ่มต้นเพียงคันละ 559,900 บาท พร้อมแคมเปญฉลองเปิดโรงงานผลิตในไทยครั้งแรก โดยมอบส่วนลดให้กับลูกค้าสูงถึง 340,000 บาท ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Atto 3 โปรโมชันเหล่านี้กลายเป็นกระแสนบนโซเชียลมีเดียว และส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในหมู่คนที่เพิ่งซื้อรถก่อนที่แคมเปญนี้จะถูกปล่อยออกมาเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งล่าสุด รายงานของ Counterpoint Research ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เครื่องยนต์ไฟฟ้า 100% (Battery Electric Vehicle: BEV) ของ BYD คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และกำลังจะแซงหน้ารถยนต์ไฟฟ้าเจ้าดังอย่าง Tesla ซี่งนักวิเคราะห์บอกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เน้นย้ำถึงธรรมชาติที่ไม่หยุดนิ่งของตลาด EV ทั่วโลก
ตามการคำนวณของสำนักข่าว CNBC ระบุว่า ยอดขายแบตเตอรี่ EV ในไตรมาสที่ 2 ของ BYD เพิ่มขึ้นเกือบ 21% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 426,039 หน่วย ขณะที่การส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ของ Tesla ลดลง 4.8% เหลือ 443,956 คัน
ในปีที่แล้ว การผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดของ BYD มีจำนวนรวม 3 ล้านคัน ซึ่งเป็นจำนวนรวมที่แซงหน้าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่ผลิตรวม 1.84 ล้านคัน แต่เมื่อจำแนกการผลิตของ BYD ออกมาแล้วพบว่า BYD ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอยู่ที่ 1.6 ล้านคัน และไฮบริด 1.4 ล้านคัน ทำให้ Tesla ยังคงเป็นอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Counterpoint Research ยังระบุด้วยว่า จีนยังคงเป็นกำลังสำคัญในตลาด BEV โดยมี BYD เป็นผู้นำ โดยยอดขายรถยนต์ BEV ของจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าของอเมริกาเหนือในปี 2567 จีนจะยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ของยอดขาย BEV ทั่วโลกจนถึงปี 2570
แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมา สหภาพยุโรปประกาศว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับบริษัท EV ของจีน เพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่ทำให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปที่คาดการณ์ได้ และใกล้จะเกิดขึ้น โดย BYD จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม 17.4% จีลี่ ออโต้โมบิล (Geely) จะเสียภาษีเพิ่มเติม 20% และ SAIC Motor จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม 38.1% ซึ่งทั้งสามอัตรานี้สูงกว่าภาษีมาตรฐาน 10% ที่กำหนดไว้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า
ลิซ ลี (Liz Lee) รองผู้อำนวยการของ Counterpoint Research บอกว่า อัตราภาษีใหม่ของสหภาพยุโรปสำหรับ EV ของจีนมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการแข่งขันสำหรับผู้ผลิต EV ในยุโรป ซึ่งกำลังดิ้นรนในการแข่งขันกับรถยนต์ของจีนที่มีราคาต่ำกว่า
“ภาษีเหล่านี้อาจผลักดันผู้ผลิตรถยนต์จีนไปสู่ตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์” ลีกล่าวเสริม
รายงานระบุว่ายอดขาย BEV ทั่วโลกจะสูงถึง 10 ล้านคันในปี 2567 ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณรถยนต์สันดาปที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิงจาก