สถานีตำรวจเป็นสถานที่ปลอดภัยจริงหรือเปล่า? เป็นคำถามสำคัญที่เกิดขึ้น เมื่อหญิงอินเดียคนหนึ่งเข้าแจ้งความถูกคุกคาม แต่ระบุว่าเธอกลับโดนตำรวจในสถานีคุกคามเสียเอง
ช่วงเช้าของวันที่ 15 กันยายน 2024 มีการเปิดเผยวิดีโอในสถานีตำรวจ โดยภาพนั้นเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ยาก แต่หญิงผู้เสียหายระบุว่าเธอถูกตำรวจทำร้ายร่างกาย
เธอเล่าให้กับนักข่าวฟังขณะที่ยังนั่งในรถเข็น พร้อมยังใส่เฝือกดามคอกับสายพยุงแขน และร้องไห้ เธอเล่าว่าเธอกับคู่หมั้นไปที่สถานีตำรวจภรัตปุระหลังจากปิดร้านอาหารซึ่งเป็นธุรกิจของเธอ ในเวลาประมาณ 01.00 น. เพราะถูกชายกลุ่มหนึ่งคุกคามบนท้องถนน และขอให้ตำรวจช่วยไปตามจับ
เธอเล่าว่า “ตำรวจปฏิเสธที่จะรับเรื่องร้องเรียนของเรา แต่กลับทำร้ายเราแทน เมื่อฉันบอกพวกเขาว่าฉันจบการศึกษาด้านกฎหมายมา และรู้สิทธิของตัวเอง พวกเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น” โดยหลังจากนั้นตำรวจจับคู่หมั้นของเธอเข้าห้องขัง
หลังจากที่เธอคัดค้าน เธอให้รายละเอียดว่าเจ้าหน้าที่หญิงสองคนเริ่มดึงผม ทุบตี หนึ่งในนั้นพยายามจะบีบคอ และเมื่อต่อสู้กลับ พวกเขาก็มัดมือ มัดขา และขังเธอไว้ในห้อง
“เจ้าหน้าที่ชายคนหนึ่งเข้ามาถอดเสื้อชั้นในของฉันออกและเริ่มเตะฉันเข้าที่หน้าอก พอประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสถานีตำรวจก็เข้ามาในห้อง เขาถอดกางเกงของฉันลง จากนั้นเขาก็ลดกางเกงตัวเองลง และขู่ว่าจะข่มขืนฉันหลายครั้ง หากฉันไม่หยุดร้องขอความช่วยเหลือ” เธอเล่า
ในอีกด้านหนึ่ง สื่ออินเดียรายงานว่า ตำรวจมีการกล่าวอ้างว่าคู่หญิงชายนี้มาถึงสถานีตำรวจในอาการมึนเมา และฝ่ายหญิงมีการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว โดยตบตำรวจหญิงและกัดเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีความผิดตามกฏหมาย เธอจึงถูกจับกุมและผู้พิพากษาได้สั่งคุมขังเธอ แต่ 3 วันถัดจากนั้น ศาลสูงได้สั่งให้ประกันตัว และวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจและศาลล่างที่สั่งคุมขังเธอ
ผู้พิพากษาระบุว่า “ตำรวจไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายขณะจับกุมเธอ” พร้อมกับผู้พิพากษาอีกคนระบุว่า ได้รับแจ้งจากทนายว่า “ได้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำผิด… และจะดำเนินการที่เหมาะสมกับผู้ที่ถูกพบว่ามีความผิด”
ด้านคณะกรรมการสตรีแห่งรัฐโอริสสา (SCW) ก็ได้รับทราบถึงข้อกล่าวหานี้ โดยมินาติ เบเฮรา (Minati Behera) ประธาน SCW ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภรัตปุระด้วยตัวเอง เพื่อสอบถามและรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับเดินทางไปพูดคุยกับผู้เสียหายด้วยเช่นกัน
ความโกรธต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นกระแสไปทั่วประเทศอินเดีย ผู้คนต่างออกมาแสดงความเห็น และสนับสนุนผู้เสียหายผ่านทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงในหมู่เจ้าหน้าที่กองทัพทั้งในอดีตและปัจจุบันที่สนับสนุนการต่อสู้ของเธอ เนื่องจากพ่อของเธอเป็นนายทหารยศจ่าสิบเอกที่เกษียณอายุราชการแล้ว
แต่ในทางกลับกัน มีผู้คนตั้งคำถามถึงลักษณะของหญิงชายคู่นี้ ที่ระบุว่า มีลักษณะท่าทางเหมือนกับคนเมา โดยในกรณีนี้ นัมราตา ชาดา (Namrata Chadha) ทนายความและนักรณรงค์เพื่อสิทธิสตรีที่พบกับผู้หญิงคนดังกล่าวในโรงพยาบาล กล่าวกับสำนักข่าว BBC ว่า “มันช่างน่าสลดใจที่ได้เห็นการดูถูกเหยื่อแบบนี้” พร้อมให้รายละเอียดอาการบาดเจ็บที่ใบหน้า รอบดวงตา และไหล่ และยังมีอาการผวาตลอดเวลา
ชาดายังกล่าวเสริมว่า จริงๆ แล้วไม่ว่าผู้เสียหายจะเข้ามาร้องเรียนด้วยลักษณะท่าทางแบบไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องฟังอย่างอดทน แถมเจ้าหน้าที่ตำรวจยังผ่านการฝึกฝนมาแล้วว่าจะรับมือกับคนที่ก้าวร้าวหรือหงุดหงิดอยู่ได้อย่างไรบ้าง แต่จากที่ผู้เสียหายในกรณีนี้เล่า ก็ดูเหมือนว่าตำรวจจะไม่ได้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติเหล่านั้น
“นอกจากนี้ ทำไมถึงไม่มีกล้องวงจรปิดในเมื่อศาลฎีกาอินเดียกำหนดให้มีกล้องวงจรปิดทุกสถานีตำรวจ” ชาดาตั้งคำถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานีตำรวจดังกล่าวเพิ่งเปิดทำการเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว และถือเป็นต้นแบบสำหรับสถานีตำรวจอื่นๆ ในพื้นที่อีกด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นได้รับความสนใจในวงกว้าง ด้วยสาเหตุจากภูมิหลังทางครอบครัวที่เป็นบุตรสาวของนายทหาร ““แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสถานีตำรวจแห่งนี้ รวมถึงสถานีตำรวจอื่นๆ เมื่อผู้หญิงทั่วไปไปขอความช่วยเหลือ” ชาดากล่าว
“เราบอกลูกสาวของเรา ว่าถ้ามีปัญหา ให้ไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เราบอกพวกเธอว่าที่นี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยเป็นอันดับ 2 รองจากบ้านของพวกเธอ แล้วตอนนี้เราจะบอกพวกเธอว่าอย่างไร ผู้หญิงจะต้องไปที่ไหนกันล่ะ”
ล่าสุด ผู้พิพากษาศาลสูงของอินเดียจะทำการตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำร้ายและคุกคามโดยกลุ่มตำรวจ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่หญิง 3 คน ถูกพักงาน และตำรวจอีก 1 นายถูกย้ายตำแหน่ง การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานอาชญากรรมของรัฐได้เปิดการสอบสวนในคดีนี้
อ้างอิงจาก