จากกรณี ‘ดิไอคอน’ หนึ่งในผู้ที่ถูกเกี่ยวโยงกับบริษัทดังกล่าวล่าสุด ก็คือ ‘ว.วชิรเมธี’ หรือ พระเมธีวชิโรดม พระภิกษุไทยที่มีชื่อเสียง จากการปรากฏคลิปไปเทศน์ที่บริษัทดิไอคอน
ในคลิปดังกล่าวที่มีการแชร์บนโซเชียลมีเดีย ปรากฏเนื้อหาช่วงที่ ว.วชิรเมธี เทศน์ถึงประสบการณ์ที่เคยสอนผู้ที่มาฟังเทศน์ว่า “[…] เพราะหนูอยากรวยเลยพรุ่งนี้ ตื่นมาก็รวยเลย พระอาจารย์บอก ลูกเอ๋ย ทำอย่างนั้นก็ดิไอคอนแล้ว ตอนนั้นยังไม่รู้จักดิไอคอน แต่โฆษณาให้แล้ว […]”
คลิปดังกล่าวทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมือนเป็นการโฆษณาและสร้างความชอบธรรมให้กับบริษัทดิไอคอน ว่าเป็นบริษัทที่ช่วยให้คน ‘รวยเร็ว’ ได้ และตั้งข้อสงสัยว่า ว.วชิรเมธี มีความสัมพันธ์แบบใด หรือมีตำแหน่งใดในดิไอคอนหรือเปล่า
ล่าสุด วันนี้ (15 ตุลาคม 2567) เวลาประมาณ 10.00น. ว.วชิรเมธี ได้โพสต์ชี้แจงบนเฟซบุ๊กเพจ ‘พระเมธีวชิโรดม – ว.วชิรเมธี’ ว่า ตนเป็นเพียงหนึ่งในพระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์ให้เป็นเทศน์เท่านั้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัท และทีมผู้บริหารได้มานิมนต์ถึงวัดที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงร่วมถวายทุนการศึกษาด้วยเท่านั้น
โดยในการสอนที่มีคลิปปรากฏออกมานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการบรรยายที่มีตวามยาวถึง 1 ชั่วโมง 12 นาที โดยสอนเรื่อง ‘หัวใจเศรษฐี’ หรือกุญแจสู่ความสำเร็จตามหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ ผ่านวลีสำคัญคือ “อดทนให้ได้ ใจเย็นให้พอ และรอให้เป็น”
ดังนั้น ในช่วงที่มีคลิปถูกตัดออกมา ว.วชิรเมธี อธิบายว่าเป็นการบรรยายในเชิงประชด แดกดัน ตามประสานักพูดทั่วไปที่อยากให้มีอารมณ์ขัน ว่าถ้าจะให้รวยเร็ว รวยทันใจ ‘ทำอย่างนั้นก็ดิไอคอนแล้ว’ ซึ่งก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ฟังบรรยายได้ นอกจากนี้ กรณีดังกล่าวก็เกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เคยมาเทศน์หรือทำความรู้จักกับบริษัทดิไอคอน เพียงแต่ยกขึ้นมาให้เป็นตัวอย่างร่วมสมัย
“ขอย้ำตรงนี้ว่า พระทุกรูปที่เคยไปเทศน์ไปสอนที่บริษัท ทุกรูป ไปด้วยใจสุจริตในฐานะพระที่ได้รับนิมนต์ไปสอนไปฉันเท่านั้น ไม่มีรูปไหนเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทเชิงธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องเช่นนี้เพียงใช้ Common Sense ก็น่าจะเข้าใจได้ ไม่ควรพยายามลากไปให้เห็นเป็นว่ามีพระเข้าไปวุ่นวายอยู่ในธุรกิจ” ว.วชิรเมธี ระบุทิ้งท้าย
สอดคลองกับแถลงการณ์จากดิไอคอน ที่ระบุว่า พระสงฆ์ทุกรูปที่ได้นิมนต์มาสอนที่บริษัทนั้น “ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้นกับการทำธุรกิจของบริษัท”
สำหรับกรณีดิไอคอน จึงยังคงต้องติดตามต่อไปว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการชี้แจงจากหลากฝ่าย ทั้ง ‘บอสพอล’ CEO ของดิไอคอน และดารานักแสดงที่ปรากฏชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับบริษัท
อ้างอิงจาก