“ไม่ได้รับค่าจ้าง”
“ไม่มีโทรศัพท์ มันอยู่ในตึกที่ถล่ม ติดต่อใครไม่ได้”
“ลุงยังติดอยู่ข้างใน จำเป็นต้องหยุดงานเพื่อมารอ”
ข้างต้นเป็นเสียงจากแรงงานข้ามชาติ ที่ The MATTER ได้มีโอกาสพูดคุย ขณะลงพื้นที่บริเวณตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มลงมาหลังเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ Migrant Working Group มีการเผยแพร่ ‘จดหมายเปิดผนึก’ เพื่อขอให้รัฐบาลและกระทรวงแรงงานเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารก่อสร้างของรัฐถล่ม และให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแรงงานทุกสัญชาติอย่างเร่งด่วน
โดยเนื้อหาภายในจดหมายเปิดผนึก แสดงให้เห็นถึงข้อกังวลและข้อเรียกร้องมายังรัฐบาลและกระทรวงแรงงานในการคุ้มครองแรงงาน ในฐานะลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคารก่อสร้างของสตง.ถล่ม
1. ขอให้กองความปลอดภัยแรงงาน ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ใช้อำนาจตามกฎหมายในการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของการถล่มของอาคารก่อสร้างสตง.อย่างจริงจัง อันนำมาสู่การบาดเจ็บ สูญหายและเสียชีวิตของแรงงาน และให้มีการดำเนินคดีอาญาหากพบว่านายจ้างที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงการมีการกระทำอันมีลักษณะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554
2. ขอให้กระทรวงแรงงานมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม เร่งตรวจสอบสิทธิของลูกจ้างในฐานะผู้ประกันตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้นายจ้างซึ่งประกอบกิจการก่อสร้าง ที่มีลูกจ้างลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องนำลูกจ้างขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคม และนายจ้างต้องขึ้นทะเบียนในกองทุนเงินทดแทน และหากมีการตรวจสอบพบว่านายจ้างไม่ได้ขึ้นทะเบียนลูกจ้าง ทั้งสองกองทุน ขอให้กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินคดีเอาผิดต่อนายจ้างที่จงใจเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ลูกจ้างทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือแรงงานข้ามชาติสามารถเข้าถึงกองทุนทั้งสองได้ทันที
3. ในช่วงที่แรงงานต้องหยุดงานลงชั่วคราว ทางกระทรวงแรงงานต้องตรวจสอบว่าลูกจ้างได้รับค่าจ้างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 หรือไม่ ทั้งนี้โครงการก่อสร้างเป็นโครงการที่ผ่านการชนะการประมูลจากรัฐย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าผู้ชนะการประมูลจะมีศักยภาพทางการเงิน ในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นในโครงการรวมถึงค่าจ้างค่าแรงของแรงงานทุกคน
4. เนื่องจากมีการใช้แรงงานข้ามชาติอยู่จำนวนหนึ่งในโครงการก่อสร้างและแรงงานเหล่านี้อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย หากนายจ้างตัดสินใจเลิกจ้างในขณะที่แรงงานอยู่ในระหว่างการต่อเอกสาร หรือขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย ดังนั้น ทางเครือข่ายฯขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานเร่งตรวจสอบเอกสารคนงานเพื่อมิให้แรงงานข้ามชาติต้องกลายเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย เช่น อำนวยความสะดวกกรณีต้องเปลี่ยนนายจ้างใหม่
5. ขอให้กระทรวงแรงงานมีมาตรการผ่อนผันในการดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงานหรือขึ้นทะเบียนกรณีที่แรงงานเอกสารสูญหายหรือไม่มีเอกสารแสดงตน ตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรี
6. เครือข่ายฯ พบว่า มีการจ้างงานแรงงานข้ามชาติในรูปแบบที่ซับซ้อน เนื่องจากมีการใช้ผู้รับเหมารายย่อยลำดับที่ 3-4 จำนวนหนึ่ง ทำให้กระบวนการตรวจสอบเพื่อเยียวยาความเสียหายอาจจะมีอุปสรรคหรือเข้าไม่ถึงการเยียวยา ดังนั้นกระทรวงแรงงานต้องเรียกร้องให้บริษัทที่ชนะโครงการประมูลรับผิดชอบโดยทันที
7. เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน โดยให้มีการตรวจสอบกรณีบริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลจากโครงการทั้งของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมูลค่าที่สูง จะต้องมีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อประกันว่าโครงการเหล่านั้นจะก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ลูกจ้างในโครงการและสิ่งแวดล้อม อันเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนตามเจตจำนงค์ของรัฐอย่างแท้จริง
ด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ
ดังนั้น หลังจากนี้ต้องคอยจับตาดูกันว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอาคารถล่มโดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ จะได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างไรบ้าง จากทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง
อ้างอิงจาก