ตึก สตง. ถล่มมาครบ 1 เดือนจากเหตุการแผ่นดินไหว สาเหตุยังหาไม่เจอ ผู้รับผิดชอบยังไม่มี แล้วความคืบหน้าเป็นอย่างไรแล้วบ้าง?
เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.2568) นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นับเป็นครั้งแรกที่เข้าแจงหลังเคยขอเลื่อนมาในครั้งก่อนหน้า
หลังจากเข้าชี้แจง ได้ออกมาแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน โต้ตอบประเด็นที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งกรณีครุภัณฑ์แพง มีห้องคล้ายโรงภาพยนตร์ วิศวกรถูกอ้างชื่อ และเหตุที่ทำให้การยกเลิกสัญญาก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า ดังนี้
#ครุภัณฑ์แพง อธิบายว่า หากจะสร้างอาคาร ผู้ออกแบบจะเสนอครุภัณฑ์ที่เหมาะสมมา แต่ก็ต้องมีผู้ตรวจสอบว่าเหมาะสมหรือไม่ อยู่ภายในงบประมาณทั้งหมดไหม และจะตัดสินใจอย่างไร
– เก้าอี้ตัวละ 9 หมื่นบาท ระบุว่า สตง. มีเจ้าหน้าที่ 20,400 คน ใช้เก้าอี้ทั่วไปจำนวน 10,000-20,000 ตัว แต่ในอาคารชั้นบนๆ จะเป็นห้องผู้บริหาร เก้าอี้ดังกล่าวจึงเป็นเก้าอี้สำหรับผู้บริหารที่มีแค่ 1 ชุด หรือไม่กี่ตัวเท่านั้น พร้อมบอกว่าให้ไปดูรายละเอียดในกรมบัญชีกลางได้
– ฝักบัวราคาแพง เป็นปกติของราชการในปัจจุบันที่ควรมีห้องอาบน้ำเพื่อให้พร้อมแก่การไปทำงานต่างๆ ต่อไป แต่ในเรื่องราคา ต้องดูเอกสารให้ละเอียดว่าฝักบัวนั้นมี 2 รูปแบบ แต่ในเอกสารกลับเขียนไว้แค่แบบที่แพง
#สร้างโรงภาพยนตร์ ยืนยันว่าเป็น ‘ห้องประชุม แบบ theatre’ ไม่ได้ใช้ดูภาพยนตร์หรือสร้างเพื่อเป็นโรงภาพยนตร์แต่อย่างใด เพียงเป็นรูปแบบการออกแบบห้องประชุมเท่านั้น
#วิศวกรอ้างว่าถูกแอบอ้างรายชื่อ อธิบายว่า ตามระเบียบแล้ว หากบริษัทต้นทางต้องการเปลี่ยนตัววิศวกรควบคุมงาน จะต้องแจ้งเปลี่ยนรายชื่อมา แต่อ้างอิงตามเอกสาร วิศวกรทั้ง 2 ที่ปรากฏเป็นข่าวไม่เคยแจ้งเปลี่ยนชื่อแต่อย่างใด เช่น สมเกียรติ ชูแสงสุข ที่เข้าให้ข้อมูล DSI ก่อนหน้านี้ว่าถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อสร้างตึก นอกจากนั้น วิศวกรทุกคนยังต้องให้หนังสือสัยญายินยอมในการเข้ามารับผิดชอบงาน
#บอกเลิกสัญญาล่าช้า จากการพบว่าการก่อสร้างอาคาร สตง.ล่าช้า ไม่เป็นไปตามสัญญานั้น คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงบอกเลิกสัญญาก่อสร้างไปเมื่อ 15 มกราคม 2568 แต่ขั้นตอนยกเลิกยังไม่เสร็จสิ้นก็เกิดเหตุตึกถล่มลงมาก่อน เกิดจากการที่กระบวนการทางราชการนั้นนาน โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาเฉลี่ย 1 ปี
มณเฑียรยังเผยว่า สตง. พร้อมให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และย้ำว่า “สตง. เป็นองค์กรตรวจสอบ ไม่เอาความรู้สึก ไม่เอาข่าวทั้งหมด มาตรวจสอบเรา ต้องยึดตามกฎหมายและระเบียบ ทุกอย่างเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องเอกสาร เราจึงยินดีให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการตรวจสอบและกรรมาธิการด้วยเอกสารและระเบียบที่มีอยู่ทั้งหมด”