ภาพการสวมกอดของคนคู่หนึ่งในห้องพิจารณาคดีกำลังเป็นไวรัลไปทั่วสหรัฐฯ ซึ่งบุคคลที่อยู่ในภาพเป็นผู้ต้องหากับญาติของเหยื่อในคดีกราดยิงที่วอล์มาร์ท (Walmart) ในเมืองเอลปาโซ เมื่อปี 2019 ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเกลียดชัง และชาตินิยมผิวขาว จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย
เมื่อสัปดาห์ก่อน มีการนัดพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายนับจากวันเกิดเหตุเป็นเวลา 5 ปี โดยผู้ก่อเหตุรับสารภาพผิดว่าลงมือไปด้วยความเกลียดชัง และเรียกตัวเองว่าเป็นชาตินิยมผิวขาว
อย่างไรก็ตาม โยลันดา ทินาเจโร (Yolanda Tinajero) หนึ่งในญาติของเหยื่อได้เดินเข้าไปสวมกอดเขาและบอกกับเขาว่า “ฉันรู้สึกในใจว่าอยากกอดคุณแน่นๆ เพื่อให้คุณรู้สึกถึงการให้อภัยจากฉัน โดยเฉพาะความสูญเสียที่ฉันได้รับ” ซึ่งโดยปกติแล้ว จะไม่มีการอนุญาตให้กอดกันในห้องพิจารณาคดี ดังนั้นจึงเกิดเป็นเสียงฮือฮาเมื่อผู้พิพากษาปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
ด้านทนายความของจำเลยบอกกับ The Washington Post ว่า ช่วงที่ญาติเดินเข้ามาจำเลยได้กระซิบถามตนว่า ‘เธอจะเข้ามากอดเขาไหม’ และเขาเองก็สับสนว่าทำไมเธอถึงอยากทำแบบนั้น แต่หลังจากที่จำเลยถูกกอดแน่นๆ เขาก็หันหน้าหนีพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า
ผู้พิพากษาได้ตัดสินให้จำคุกเขาตลอดชีวิตและกล่าวว่า “ชุมชนนี้จะจดจําคนที่คุณพรากชีวิตไปเสมอ – ชื่อของพวกเขา เรื่องราวของพวกเขา ความสําเร็จของพวกเขา แสงสว่างของพวกเขาจะไม่มีวันจางหาย ในขณะที่คุณ ทั้งชื่อและความเกลียดชังของคุณจะถูกลืม”
ย้อนกลับไปในปี 2015 มีมือปืนได้ก่อเหตุกราดยิงในโบสถ์ ที่เซาท์แคโรไลนา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 9 ราย โดยท้ายที่สุดแล้วสมาชิกในครอบครัวเหยื่อหลายคนได้ให้อภัยผู้ก่อเหตุ กระทั่งในปี 2019 ญาติของเหยื่อได้สวมกอดตำรวจที่สังหารคนในครอบครัว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นได้จุดประกายทำให้เกิดเป็นการถกเถียงเกี่ยวกับการให้อภัยผู้กระทำผิด
โรเบิร์ต มัวร์ ผู้ก่อตั้ง El Paso Matters บอกว่า การโอบกอดจากญาติของเหยื่อในห้องพิจารณาคดีผ่านมา ทำให้คนทั้งห้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ครอบครัว สื่อมวลชน และผู้พิพากษาร้องไห้ ซึ่งตัวเขาเองบอกว่าไม่เคยต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรายงานข่าวไป และร้องไห้ไปแบบนี้เลย
ทนายความฝ่ายจำเลย กล่าวด้วยว่า ในบรรดาครอบครัวของเหยื่อจำนวนมาก มี 14 คนที่ให้อภัยจำเลย และ 2 คนขอโอบกอดเขา ซึ่งก็คือทินาเจโร และแอนเดรียน่า ซานดรี (Adriana Zandri) ที่สูญเสียสามีจากเหตุการณ์นี้ก็ขอกอดผู้ก่อเหตุด้วยเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ผู้สูญเสียทุกคนจะสามารถให้อภัยผู้ก่อเหตุได้ พ่อของเด็กวัย 15 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตที่อายุน้อยที่สุดบอกให้เขาเงยหน้ามองเขาและรูปลูกผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของเหยื่ิอคนอื่นๆ ต่างก็ขอให้ผู้ก่อเหตุได้รับความทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุดในคุกต่อจากนี้
อ้างอิงจาก