“ถือเป็นการริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรม” แถลงการณ์ระบุ
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า ศาลรัฐบาลกลางในบรูคลิน นิวยอร์ก ได้ฟ้องเฉิน จื้อ (Chen Zhi) หรือวินเซนต์–ชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนวัย 37 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา
ปรินซ์กรุ๊ปถูกทางการสหรัฐฯ กล่าวหาว่า สมคบกันฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ (Wire Fraud Conspiracy) และฟอกเงิน (Money Laundering Conspiracy) จากกรณีที่บริษัทนี้ดำเนิน ‘ธุรกิจหลอกลวง’ ให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘หลอกเชือดหมู’ (Pig Butchering Scam)
นอกจากนี้ ยังได้ยึดเงินดิจิทัลของปรินซ์กรุ๊ป มูลค่าราว 127,271 บิตคอยน์ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 4.87 แสนล้านบาท) อันเป็นรายได้จากการฉ้อโกงและการฟอกเงินของจำเลย โดยปัจจุบันอยู่ในความดูแลของรัฐบาลสหรัฐฯ
ปรินซ์กรุ๊ปทำเงินอย่างไร
นับตั้งแต่ปี 2015 ปรินซ์กรุ๊ปดำเนินธุรกิจหลายสิบแห่งในกว่า 30 ประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ อาหารและเครื่องดื่ม ภาพยนตร์ การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี จนถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ที่เปิดให้บริการในชื่อ ‘Prince Bank’
เนื้อหาในแถลงการณ์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า วงจรธุรกิจนี้ได้สร้าง ‘องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย’ ซึ่งสามารถทำกำไรมหาศาลจากการฉ้อโกงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล โดยมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐฯ
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า สำหรับวิธีการโกงนั้น ผู้ก่อเหตุจะติดต่อเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย โดยจะสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความไว้วางใจ จากนั้นก็โน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงินดิจิทัลให้ โดยอาศัยถ้อยคำหลอกลวงว่า เงินดังกล่าวจะถูกนำไปลงทุนและสร้างผลกำไร แต่ในความเป็นจริง เหยื่อจะถูกขโมยเงินก้อนนั้นเพื่อนำไปฟอกเงิน
กักขังและบังคับแรงงาน
ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ปรินซ์กรุ๊ปยังอยู่เบื้องหลัง ‘ค่ายบังคับแรงงาน’ หลายแห่งทั่วกัมพูชา โดยแรงงานหลายร้อยคนถูก ‘ค้ามนุษย์’ และถูกกักขังอยู่ในสถานที่คล้ายเรือนจำ ขณะถูกบังคับให้หลอกลวงทางออนไลน์
แถลงการณ์เปิดโปงว่า แรงงานเหล่านั้นถูกกักขังในค่ายบังคับแรงงาน ที่คล้ายหอพักขนาดใหญ่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม โดยมักถูกข่มขู่ด้วยความรุนแรง รวมถึงการทุบตีและวิธีการทรมานอื่นๆ ซึ่งจำเลยได้สั่งลูกน้องให้ทุบตีคนที่ ‘สร้างปัญหา’ ทั้งนี้ครั้งหนึ่ง เขาเคยบอกว่าเหยื่อไม่ควรถูก ‘ตีจนตาย’
ประธานปรินซ์กรุ๊ป
สำหรับประวัติของเฉิน จื้อ–ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี เขาเป็นชาวจีน ที่ถือสัญชาติอังกฤษและกัมพูชา ที่เข้ามาสร้างอาณาจักรธุรกิจในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2015 และฟอกเงินผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
ThaiPBS รายงานว่า ตั้งแต่เฉิน จื้อได้กลายเป็นนักธุรกิจคนสำคัญของประเทศนี้ จนกระทั่งถูกแต่งตั้งโดยกษัตริย์นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา ให้มีบรรดาศักดิ์ ‘เนี๊ยก อ็อกเญีย’ (ออกญา) ซึ่งเทียบเท่าตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเคยเป็นที่ปรึกษาของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในประเทศ
มีรายงานว่า เมื่อเงินที่โกงมาถูกฟอกเรียบร้อยแล้ว เฉิน จื้อก็นำรายได้จากอาชญากรรม ไปใช้ในการท่องเที่ยวสุดหรู และยังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น นาฬิกา เรือยอชต์ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ จนถึงของสะสมระดับไฮเอนด์และงานศิลปะหายาก รวมทั้งภาพวาดของปิกัสโซ ที่เขาเคยซื้อผ่านบริษัทประมูลในนิวยอร์กซิตี้
อย่างไรก็ดี ตอนนี้สหรัฐฯ ร่วมกับสหราชอาณาจักรและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กำลังกวาดต้อนเครือข่ายสแกมเมอร์ รวมถึงไล่ล่าตัวเฉิน จื้อ เพื่อมารับผิดชอบ
“การรื้อถอนอาณาจักรอาชญากรรม ที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวงและบังคับใช้แรงงาน ถือเป็นการส่งสารที่ชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาจะใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่ เพื่อปกป้องเหยื่อ กู้คืนทรัพย์สินที่ถูกขโมย และนำตัวผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มเปราะบาง มาสู่กระบวนการยุติธรรม” แถลงการณ์ระบุว่า หากจำเลยถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาจะต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี
อ้างอิงจาก