จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพพร้อมข้อความบิดเบือนในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ช่อ—พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เรียกร้องให้ทหารเปิดเผยแผนการรบต่อสาธารณะว่า “จะรบกันไปถึงเมื่อไหร่ ทหารต้องกางแผนที่ออกมาและเปิดเผยแผนการรบให้ประชาชนประชาชนทราบ ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2568”
จากนั้น 20 ธันวาคม พรรณิการ์ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ไม่เคยพูดข้อความดังกล่าวและยืนยันว่าไม่เป็นความจริง นอกจากนั้น วันที่ 17 ธันวาคม ตนเองก็ไม่ได้ออกรายการใดๆ โดยในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการความมั่นคง ก็ทราบว่ารายละเอียดการรบต่างๆ หากพูดไปก็จะกระทบความมั่นคง
ล่าสุด วันนี้ (22 ธันวาคม) พรรณิการ์ได้เดินทางไปยัง สน.ทองหล่อ พร้อมนำหลักฐานข้อความในเฟซบุ๊ก แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอมในโลกออนไลน์ ในข้อหาหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อ ‘เพจหมึกซึม’ บัญชีต้นเรื่องที่เผยแพร่ข้อความดังกล่าวและผู้ที่แชร์ต่อ รวมทั้งหมด 4 บัญชี
พรรณิการ์ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เคยพูดข้อความในวันที่และเวลาดังกล่าว เพราะเมื่อ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเองไม่ได้ไปออกรายการหรือให้สัมภาษณ์กับใครเลย ข้อความข้างต้นจึงเป็นข้อมูลเท็จและเป็นข่าวปลอมที่จงใจให้เกิดความเสียหาย โดยมีทั้งอดีตโฆษกพรรคการเมือง บัญชีผู้ใช้ IO ทหาร และอดีตนักดนตรี นำข้อความดังกล่าวไปแชร์ต่อพร้อมเขียนข้อความบิดเบือนและด่าทอตนเองว่า ‘ขายชาติ’
ทั้งนี้มีคำถามว่า การฟ้องครั้งนี้ถือเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ พรรณิการ์ ตอบว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่ถูกด่ามากที่สุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกด่า แต่ไม่เคยฟ้องใคร ยกเว้นกรณี ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส. ที่กล่าวหาว่าตนเองเป็นพวกเดียวกับที่วางระเบิดกรุงเทพฯ ทั้งสองกรณีเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง และปกป้องการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
โดยการบิดเบือนคำพูดดังกล่าว คาดว่ามาจากวิดีโอที่พรรณิการ์ไปออกรายการถกไม่เถียง เมื่อ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งพรรณิการ์ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอนุทิน ในขณะที่ยังไม่มีสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาระลอกใหม่ และยังไม่มีการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง
โดยคำพูดที่ถูกนำมาบิดเบือนคือช่วงที่กล่าวว่าต้องการให้ “รัฐบาลอนุทินกางแผนปราบสแกมเมอร์ และที่บอกว่า จะรบให้จบนั้น จบอย่างไร แต่ไม่ต้องบอกรายละเอียดแผนที่การรบ ไม่อยากทราบ เพราะถ้าต้องบอกละเอียดจะทำให้คู่กรณีทราบ” ซึ่งข้อความที่บิดเบือนได้ตัดเนื้อหาช่วงท้ายออกไป
ทั้งนี้ พรรณิการ์ขอให้ประชาชนร่วมไตร่ตรองว่าทำไมพรรคประชาชนถึงถูกจับคู่ให้อยู่ฝั่งฮุนเซน และถูกใส่ร้ายว่าเป็นพวกขายชาติ ต้องการให้ไทยเสียเปรียบ ทั้งที่พรรคประชาชนเป็นคนออกมาเปิดโปงเรื่อง เบน สมิธ และภาพถ่ายนักการเมืองต่างๆ ที่มีรูปคู่กับฮุนเซน
ดังนั้น จึงอยากขอให้ประชาชนไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับอีกครั้ง เพราะเมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง อาจมีข่าวปลอมหรือขบวนการ IO ออกมาเรื่อยๆ และขอฝากถึง กกต. ให้เข้ามาจัดการเรื่องข้อมูลเท็จ รวมถึงเรื่องการซื้อเสียง
อย่างไรก็ตาม พรรณิการ์ได้ตั้งคำถามต่อกลุ่มปฏิบัติการ IO ว่าได้คำนึงถึงทหารแนวหน้าที่พลีชีพอยู่หรือไม่ เพราะขณะที่พี่น้องทหารแนวหน้าต้องเผชิญความเสี่ยงหรือเสียสละชีวิต มีคนเหยียบกับระเบิดแทบทุกวัน มีทหารจำนวนไม่น้อยบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสู้รบที่ผ่านมา แต่กลับยังมี IO ทหารบางกลุ่มกระทำเช่นนี้ คือ ปล่อยข่าวปลอม สร้างความเสียหายต่อพรรคการเมือง
จึงอยากตั้งคำถามต่อกลุ่มปฏิบัติการ IO ว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่คือหน้าที่ของทหารจริงหรือไม่ เพราะหน้าที่ของทหารที่แท้จริงซึ่งประชาชนทั้งประเทศชื่นชม คือการเสียสละ ปกป้องประเทศชาติ ไม่ใช่การปลุกปั่นหรือสร้างความเกลียดชังให้กับพรรคการเมือง
สุดท้าย พรรณิการ์ขอยืนยันว่าทุกการให้สัมภาษณ์ ตนเองไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไม่เคยพูดถึงข้อมูลแผนที่หรือข้อมูลอ่อนไหวใดๆ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล และยืนยันว่าไม่มีใครต้องการไปเข้าข้างฮุนเซนแต่อย่างใด