Mastercard Economics Institute ออกมาชี้ว่า ‘กรุงเทพฯ’ จัดอยู่ในกลุ่มเมืองที่นักท่
ท่ามกลางการเรียกร้องอย่างดุเดือดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างรถแท็กซี่ กับผู้ให้บริการรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน อาจทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมผู้โดยสารจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หันมาเลือกใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ กันมากขึ้น?
คำตอบส่วนหนึ่งอาจอยู่ในรายงานแนวโน้มการท่องเที่ยวประจำปี 2025 จาก สถาบันเศรษฐศาสตร์มาสเตอร์การ์ด (Mastercard Economics Institute หรือ MEI) ที่เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ (12 พฤษภาคม) ว่ากรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยว ที่เสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกง
รายงานเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เสี่ยงต่
สำหรับกรุงเทพฯ MEI ระบุว่า ‘บริการแท็กซี่และรถเช่า’ เป็นส่วนหลักที่นักท่องเที่ยวมักพบเห็นกิจกรรมฉ้อโกงมากที่สุด โดยปัญหาที่เกิดขึ้นกับแท็กซี่และรถเช่าเป็นต้นเหตุของการฉ้อโกงถึง 48% ของกรณีการโกงทั้งหมด ที่พบในกรุงเทพฯ
ส่วนกรณีการโกงนักท่องเที่ยวในส่วนอื่นๆ รายงานฉบับนี้ก็ชี้ว่า ในกรุงเทพฯ พบความเสี่ยงการโกงในด้านบริการอาหาร (34%) บริษัททัวร์และตัวแทนท่องเที่ยว (9%) ที่พัก (5%) เที่ยวบินและรถไฟ (3%)
“เมื่อชำระเงินแล้ว ทัวร์อาจไม่เกิดขึ้นจริง หรืออาจแตกต่างไปจากที่โฆษณาไว้โดยสิ้นเชิง” MEI กล่าวถึงปัญหาทั่วไปที่พบในการฉ้อโกงนักท่องเที่ยว
หากหันกลับมาดูสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรถแท็กซี่ กับผู้ให้บริการรถยนต์ผ่านระบบแอปพลิเคชัน เมื่อวานนี้ (21 พฤษภาคม) กลุ่มรวมพลคนขับแท็กซี่ (แห่งประเทศไทย) นำโดย วรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ พร้อมคนขับรถแท็กซี่กว่า 50 คัน ได้ปักหลักชุมนุม และปิดการจราจรบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล
วรพลกล่าวว่า การรวมครั้งนี้เป็นไปเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกล์ พ.ศ.2564 เนื่องด้วยกฎหมาย 2 ฉบับนี้ เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย
ทั้งนี้เขามองว่า การจัดตั้งจุดรับส่งผู้โดยสารของแอปพลิเคชัน Grab ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะทำให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่เสียเปรียบ เนื่องจากผู้โดยสารอาจเรียกใช้บริการ ผ่านระบบแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่า ทั้งนี้อาจมาทำลายระบบรถรับจ้างสาธารณะ
เขาเรียกร้องให้รัฐบาลมีความชัดเจนว่า จะเลือกใช้ผู้ขับขี่รถยนต์ของแอปพลิเคชัน หรือผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ซึ่งหากรัฐบาลเลือก Grab ถือว่าเป็นการขายชาติ เพราะ Grab ไม่ใช่บริษัทของคนไทย
ในขณะเดียวกัน ด้าน จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า จะมีการประชุมเพื่อสรุปผลอีกครั้ง ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ โดยจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และตัวแทนกลุ่มแท็กซี่เข้าร่วม ทั้งนี้เขาย้ำว่าจะทำให้ทุกส่วนอยู่ร่วมกันได้ โดยผู้ให้บริการต้องปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี และประชาชนต้องมีสิทธิ์เลือกใช้บริการ
อ้างอิงจาก