ควันสีขาวที่ลอยออกมาจากปล่องของโบสถ์น้อยซิสทิน ณ นครรัฐวาติกัน เป็นสัญญาณว่าการประชุมลับ หรือ คอนเคลฟ ของพระคาร์ดินัล 133 รูป ได้ข้อสรุปเรื่องการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงโห่ร้องยินดีจากผู้คนที่รวมตัวกันบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์สก็ได้เกิดขึ้นต่อพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพระสันตะปาปาชาวสหรัฐฯ พระองค์แรกในประวัติศาสตร์
“ข้าพเจ้าขออุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้าและพี่น้องทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยากและถูกละเลย ขอให้คริสตจักรของเราเป็นแสงสว่างแห่งความหวังในโลกที่แตกแยก” พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ตรัส
ก่อนหน้านี้พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 เคยมีพระนามเดิมว่า โรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ ซึ่งถูกจดจำในฐานะนักบวชท้องถิ่นที่ทำให้กับชุมชนอย่างจริงจัง และได้รับการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปาฟรานซิสให้เป็นพระคาร์ดินัลระดับสูง
ในยุคที่โลกเปลี่ยแปลงอย่างรวมเร็ว และมีความท้าทายใหม่ที่ทั้งซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่หลายฝ่ายจับตาต่อ พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 คือเรื่องบทบาทและจุดยืนของพระองค์ต่อประเด็นต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา พระองค์ถูกคาดหวังว่า อาจจะสานต่อการปฏิรูปศาสนจักรที่พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงทำไว้ ทั้งเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ ในศาสนจักรเอง รวมไปถึงจุดยืนของศาสนาจักรต่อเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เฉกเช่นเดียวกับที่พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงให้ความสำคัญ
BBC รายงานถึงความคิดเห็นของอดีตบาทหลวงที่เคยทำงานร่วมกับพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ในช่วงเวลาที่พระองค์ยังทรงเป็นพระคาร์ดินัลว่า อดีตพระคาร์ดินัลผู้นี้สนใจและใส่ใจกับปัญหาผู้ยากไร้ รวมถึงผู้ที่ถูกกีดกันออกจากสังคมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังห่วงใยถึงผู้อพยพ เช่นเดียวกับที่พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงให้ความสำคัญมาก่อนหน้านี้
ในอีกมุมหนึ่ง มีการวิเคราะห์ถึงจุดยืนของพระองค์ต่อการเมืองในวาติกันด้วยเช่นเดียวกัน โดยหลายฝ่ายมองว่า พระองค์ทรงมีจุดยืนที่เดินทางสายกลาง ระหว่างกลุ่มก้าวหน้าที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ กับกลุ่มที่เป็นอนุรักษ์นิยมในศาสนจักร์
ขณะที่การเลือกพระนามว่า “เลโอที่ 14” ก็เป็นสิ่งที่สื่อต่างชาติให้ความสนใจเช่นกัน โดยมองกันถึงนัยยะว่า สะท้อนถึงความเคารพต่อพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ที่ทรงปฏิรูปศาสนจักรครั้งใหญ่ในยุคศตวรรษที่ 19
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/live/cn4we7prv4rt