จะทำอย่างไรให้ Starbucks 30,000 สาขาทั่วโลก มีมาตรฐานที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ? และสำนักงานใหญ่สามารถส่งสูตรกาแฟใหม่ๆ ไปให้กับทุกสาขาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงได้ข้อมูลที่ตรงกัน?
Starbucks ตอบโจทย์นี้ด้วยเทคโนโลยี Azure Blockchain Service ที่ได้จับมือทำงานร่วมกับบริษัทด้านไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ซึ่งจะช่วยให้การเก็บข้อมูลการชงกาแฟภายในร้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อมูลที่จะถูกเก็บมีรายละเอียดเกี่ยวกับกาแฟมากมาย เช่น รูปแบบและจำนวนของเมล็ดกาแฟที่ถูกใช้ไป อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ ตลอดจน คุณภาพของน้ำด้วย ซึ่งทางสำนักงานจะเห็นข้อมูลเหล่านี้ของทุกสาขาที่ถูกติดตั้งเทคโนโลยี
แน่นอนว่า เมื่อเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ไปแล้ว สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานหลักๆ ของ Starbucks ในแต่ละพื้นที่น่าจะช่วยวิเคราะห์ว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างไร รวมถึงคุณภาพของทรัพยากรที่แต่ละสาขามี และสามารถข้อมูลสูตรของกาแฟแบบใหม่ๆ มาให้กับแต่ละสาขาได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน Azure Blockchain จาก Microsoft ยังจะช่วยให้ Starbucks สามารถติดตามข้อมูลที่เป็นประโยชน์เรื่องการส่งสินค้าเมล็ดกาแฟจากทั่วโลกได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับการเปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภค ได้ติดตามเรื่องราวและที่มาของกาแฟจากแหล่งกำเนิดโดยตรง ตามยุทธศาสตร์เรื่อง ‘From field to cup’ ที่แบรนด์นี้พยายามทำมาตลอดในช่วงหลังๆ
โปรเจ็กต์ความร่วมมือนี้ ถูกประกาศออกมาในงาน Microsoft’s Build Developers Conference ที่ประเทศสหรัฐฯ โดยผู้บริหารของทั้งสองแบรนด์ได้ย้ำตรงกันว่า มันจะช่วยตอกย้ำให้แบรดน์กาแฟชื่อดังนี้ เป็นที่หนึ่งในด้านการใช้นวัตกรรมในตลาดโลก
ซึ่งนี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ เมื่อแบรนด์ใหญ่ๆ ได้ใช้ Internet of things มาช่วยพัฒนาองค์กร และสาขาต่างๆ ที่มีอยู่ในทั่วโลก
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER