ทวีปเอเชีย ถูกมองว่ากำลังจะกลายเป็น ‘ถังขยะโลก’ หลังชาติพัฒนาแล้วหลายๆ ชาตินิยมนำขยะมาทิ้งในภูมิภาคนี้ (ด้วยข้ออ้างว่านำมารีไซเคิล) เฉพาะอาเซียนอย่างเดียว ระหว่างปี พ.ศ. 2559-2561 ก็รับขยะพลาสติกจากต่างชาติรวมกันจาก 8.36 แสนตันเป็น 2.27 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 70%
หลายประเทศในเอเชียเห็นถึงแนวโน้มปัญหาดังกล่าว จึงเริ่มมีเทรนด์ในการประกาศส่งคืนขยะ ที่บางส่วนเป็นขยะอันตราย คืนให้กับประเทศต้นทาง – ประเทศล่าสุด คือ ศรีลังกา
ศรีลังกาประกาศคืนตู้คอนเทนเนอร์บรรจุขยะ 111 ตู้ ให้กับอังกฤษ หลังพบว่าขยะในตู้เริ่มส่งกลิ่นเหม็น จนบางตู้เปิดเข้าไปตรวจสอบไม่ได้เลยว่าบรรทุกอะไรมาบ้าง – ส่วนที่เปิดออกมาดูได้ก็พบทั้งที่นอน เสื้อผ้า พลาสติก ฯลฯ
ท่าทีของศรีลังกา ไม่ต่างจากหลายๆ ชาติในเอเชียหรืออาเซียนที่ประกาศคืนขยะสู้ต้นทาง ทั้งฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
แต่เดิม จีนเป็นประเทศที่รองรับขยะจากโลกตะวันตกมากที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนนโยบายต้นปี พ.ศ. 2561 ไม่รับขยะพลาสติกมารีไซเคิลอีกต่อไป แถมจะส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยซ้ำ
ขณะที่ไทย นำเข้าขยะระหว่างปี พ.ศ.2558-2560 เพิ่มจาก 6.50 หมื่นตันเป็น 1.67 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 160% โดยในจำนวนนั้นหลายหมื่นตันเป็นขยะอันตราย
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไทย บอกไว้ว่า ไทยประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติกในปี พ.ศ.2564 และห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อีก 422 รายการ โดยเคยส่งคืนตู้บรรทุกขยะกลับต้นทางถึง 40 ตู้
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-asia-49100887
https://www.greenpeace.org/thailand/act/asean-no-waste-for-space/
https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_1042980
#Brief #TheMATTER