ลองนึกภาพเด็กน้อยคนหนึ่งที่เติบโตมาด้วยเทคโนโลยีรอบตัว และมีหุ่นยนต์หน้าตาคล้ายคน ทำหน้าที่ราวกับเป็นแม่อีกคน คอยดูแลความเป็นอยู่และช่วยงานผู้ปกครองจริงๆ ที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกบ้าน
ภาพทำนองนี้เราอาจจินตนาการได้ไม่ยากมากนัก ยิ่งในยุคที่เราเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ จาก AI และเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะเข้ามาเติมเต็มความต้องการในชีวิตได้ราวกับที่มนุษย์หนึ่งคนพอจะทำได้
บทความชื่อ ‘What’s Mother’s Day if you’ve been born in a machine and raised by robots?’ จากเว็บไซต์ The Conversation ตั้งคำถามให้เราชวนคิดกันว่า แล้วมันจะเป็นยังไงกันนะ ถ้าหากเด็กๆ ในอนาคตจะถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาโดยที่มี ‘หุ่นยนต์’ เป็นแม่อีกหนึ่งคน
ในแง่ของการสื่อสารระหว่างหุ่นยนต์กับเด็กๆ ก่อน ดูเหมือนว่าประเด็นนี้ก็เป็นสิ่งที่ AI เริ่มทำกันได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทั้งเรื่องการวิเคราะห์ถ้อยคำ รูปประโยค และเสียงต่างๆ ขณะเดียวกัน การตอบโต้ระหว่างหุ่นยนต์กับคนก็อาจจะมีอุปสรรคที่น้อยลงเรื่อยๆ
เคยมีรายงานว่า ในตอนนี้บริษัทบางแห่งทั้งในยุโรปและในญี่ปุ่นก็ได้พัฒนา ‘Robot Babysitter’ หรือหุ่นยนต์พี่เลี้ยงเด็กออกมาแล้ว โดยสามารถพูดคุยกับเด็กๆ ได้ตามคลังคำศัพท์ที่มันมีอยู่โดยจำกัด และสามารถระบุตำแหน่งของเด็กได้ผ่าน QR code ที่ติดกับเด็กๆ แต่ละคน
แน่นอนว่า ด้วยวิธีการดูแลเช่นนี้ เด็กๆ ก็น่าจะคุ้นชินกับหุ่นยนต์มากขึ้น หุ่นยนต์และ AI อาจจะช่วยเรื่องการดูแลระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่บ้านได้ และเด็กๆ ยังคงได้รับความรู้และมีคนคอยสื่อสารด้วยบ้าง แต่คำถามสำคัญก็คือ แล้วบทบาทของผู้ปกครองตัวจริงเสียงจริงล่ะ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?
มาร์กาเร็ต มอร์ริส นักจิตวิทยาคลินิกและผู้เขียนหนังสือ ‘Left to Our Own Devices: Outsmarting Smart Technology to Reclaim Our Relationships, Health, and Focus’ ยืนยันว่า บทบาทของแม่และพ่อกลับยิ่งสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมในอนาคต
“สิ่งสำคัญของการเลี้ยงดูลูกคือการช่วยดูแลเอาใจใส่ ไม่ใช่การตอบคำถามหรือแนะนำสิ่งต่างๆ (แบบที่หุ่นยนต์ทำ)” มอรร์ริส กล่าว เธอยังเชื่อด้วยว่า สายสัมพันธ์แบบมนุษย์จากพ่อแม่ ยังคงสำคัญกำลังเติบโตของเด็กๆ
“สายสัมพันธ์ของมนุษย์คือสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการของเด็ก” เธอย้ำ และเทคโนโลยีที่มีอยู่ก็ช่วยให้พ่อแม่สร้างสายสัมพันธ์กับเด็กๆ ได้ แต่เราเองก็อาจจะต้องระวังไม่ให้หุ่นยนต์มันไปเทคโอเวอร์บทบาทของพ่อแม่จริงๆ จนเกินไป
นอกจากเรื่องนี้แล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้เดินไปสู่โลกยุคที่หุ่นยนต์สามารถเลี้ยงดูเด็กแทนพ่อแม่ได้ขนาดนั้น แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว คือการที่เทคโนโลยีและอัลกอริทึมได้เข้ามามีอิทธิพลต่อ ‘วิธีการ’ เลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน
จะใช้เทคโนโลยีเพื่อสอดส่อง ควบคุม หรือใช้เพื่อช่วยศักยภาพใหม่ๆ ให้กับลูกๆ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนในยุคนี้กันแล้วล่ะ
อ้างอิงจาก
https://qz.com/1650396/tech-for-kids-will-soon-automate-away-the-job-of-parents/
https://edition.cnn.com/2018/09/28/health/china-ai-early-education/index.html
https://www.theguardian.com/technology/2016/sep/29/ipal-robot-childcare-robobusiness-san-jose
#Brief #วันแม่ #TheMATTER