ถ้าจะนัดเจอกันหลัง 7-Eleven ปิด คงต้องไปที่ญี่ปุ่นแล้ว เพราะตอนนี้ ร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่าง 7-Eleven ในญี่ปุ่น กำลังจะหยุดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว และถือเป็นร้านสะดวกซื้อชื่อดังรายแรกที่จะปรับลดเวลาทำการ ซึ่งมีผลมาจากการขาดแคลนแรงงานในประเทศ
จุดเด่นของ 7-Eleven คือการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 แต่ตอนนี้ 7-Eleven กำลังจะเป็นร้านสะดวกซื้อเจ้าแรกที่ยกเลิกบริการ 24 ชั่วโมงนี้ จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยเริ่มทดลองกับ 8 สาขาก่อน และกำลังพิจารณาที่จะใช้มาตรการเดียวกันกับอีก 200 สาขา จากทั้งหมด 21,000 สาขาทั่วญี่ปุ่น
จุดเริ่มต้นของการยกเลิกบริการ 24 ชั่วโมงนี้ มาจากเจ้าของ 7-Eleven สาขาโอซาก้า ปิดร้านในช่วงกลางคืน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากบริษัท เพราะไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ จนล่าสุด ฟูมิฮิโกะ นากามัตสึ ประธานบริษัท 7-Eleven ของญี่ปุ่น (ไม่ใช่เจ้าของเดียวกับไทย) แถลงว่า บริษัทจะพูดคุยกับเจ้าของสาขาต่างๆ ถึงการเปลี่ยนเวลาทำงาน และพวกเขาจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะปรับเปลี่ยนเวลาในการเปิดให้บริการหรือไม่
ปัญหาขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่น ไม่ได้ส่งผลแค่ 7-Eleven เท่านั้น แต่ FamilyMart เอง ก็ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้ FamilyMart กว่า 612 ร้าน หรือคิดเป็น 3.7% กำลังทดลองลดเวลาทำงาน และจะตัดสินใจอีกทีว่า จะหยุดการเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่ หลังจากทำการทดลองเสร็จ
ขณะที่ Lawson อีกหนึ่งร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ ที่ไม่ได้มีสัญญาให้เจ้าของสาขาต้องเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนอย่าง 7-Eleven ก็ออกมาแถลงว่า มีร้านค้าประมาณ 100 แห่ง ที่ปิดทำการในเวลากลางคืน แต่บริษัทก็ตั้งใจจะปิดให้บริการชั่วคราว กับร้านค้าประมาณ 100 แห่งในช่วงปีใหม่นี้ เพื่อให้เวลาพักผ่อนกับแรงงานในช่วงเทศกาล
การลดลงของแรงงานในญี่ปุ่น มีผลจากการเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งงานวิจัยจากรัฐบาล ระบุว่า ในปี ค.ศ. 2040 จำนวนแรงงานจะลดลงอีก 20% เมื่อเทียบกับ ปี ค.ศ. 2017 แต่ก็มีผู้สูงอายุ และผู้หญิงเข้ามาเป็นแรงงานมากขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เริ่มใช้ระบบวีซ่าใหม่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในญี่ปุ่น
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER