ในการค้า การลงทุน หรือการส่งออกสินค้า ไทยก็ยังต้องพึ่งพาประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ไทยส่งออกสินค้าไปมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เฉพาะ 9 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่ารวมอยู่ที่ 7.4 แสนล้านบาท ขยายตัวกว่า 12%
แต่ล่าสุด กลับมีการประกาศจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะพักสิทธิ GPS หรือระงับการปลอดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย ทำให้ไทยอาจต้องจ่ายภาษีเพิ่มหลายหมื่นล้านบาท
สิทธิ GSP ที่สหรัฐฯ ระงับนั้น ย่อมาจาก generalized system preference หรือ ‘สิทธิทางภาษีที่ประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา’ ซึ่งการระงับของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อ้างว่า ระงับสิทธิชั่วคราวเพราะไทยไม่ให้สิทธิแรงงานตามมาตรฐานระดับสากล
ในจดหมายยังระบุว่า การพักสิทธิจะมีผลบังคับใช้ใน 6 เดือน ซึ่งคือในวันที่ 23 เมษายน 2563 โดยแน่นอนว่า จะกระทบกับการนำเข้าสินค้ามากถึง 573 รายการ ที่มีทั้งอุปกรณ์-เครื่องใช้อย่างไม้แปรรูป ประตู หน้าต่าง จานชาม เครื่องประดับ และสแตนเลส ไปถึงอาหารอย่าง ผัก ผลไม้ ซอสถั่วเหลือง และอาหารทะเลทั้งหมด ซึ่งสำนักงานตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ กล่าวเพิ่มเติมในแถลงว่า เพราะ “ปัญหาสิทธิแรงงานที่ยาวนานในอุตสาหกรรมอาหารทะเลและการขนส่ง”
ในจดหมายยังมีการระบุอีกว่า การพักสิทธิทางภาษีนี้ คิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยได้กว่า 39,650 ล้านบาท โดยที่ พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าของกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังมีการประกาศว่า “ต้องการเวลามากขึ้นในการประเมินผลกระทบ” ด้วย
โดยมีรายงานว่า ในการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไทย วันที่ 2-4 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลไทยได้เตรียมหารือกับตัวแทนของสหรัฐฯ ที่จะมาร่วมประชุม ถึงการแก้ไขปัญหาและหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งปกติแล้ว การให้สิทธิ GSP นั้น ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องทำตามหลักเกณฑ์ของประเทศผู้ให้สิทธิ ซึ่งหากไทยสามารถเจรจา และแก้ไขปัญหากลับมาตามเกณฑ์ได้ ก็มีโอกาสที่จะได้สิทธิคืน
อ้างอิงจาก
http://tradereport.moc.go.th/Report/Default.aspx?Report=TradeThCountryTrade
https://www.bangkokpost.com/business/1780229/trump-suspends-duty-free-trade-for-some-thai-goods
https://www.prachachat.net/economy/news-90982
https://www.matichon.co.th/foreign/news_1727338
#Brief #TheMATTER