สมาร์ทโฟน เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันก็มีโทษมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาขับรถ เพราะจะทำให้เสียสมาธิจนเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนได้ง่ายๆ ซึ่งปัญหานี้ เป็นเรื่องระดับสากลที่ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็ต้องหาทางรับมือให้ได้ ล่าสุด ออสเตรเลีย เริ่มใช้กล้องตรวจจับผู้ขับขี่ที่เล่นมือถือขณะขับรถแล้ว และถือเป็นที่แรกในโลกที่เริ่มใช้มาตรการนี้
รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ประกาศตัวเป็นที่แรกของโลก ที่เริ่มใช้กล้องจราจรตรวจจับการใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการตรวจสอบภาพและตรวจจับ และภาพที่ถูกระบุว่าทำผิดกฎหมาย ก็จะได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ และในอีกสามปีข้างหน้า จะมีกล้องอีก 45 ตัว ติดตั้งข้ามรัฐ โดยไม่มีสัญญาณเตือน
ในปีนี้ สถิติผู้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางท้องถนน มีจำนวน 329 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ หวังว่าวิธีนี้ จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 30% ภายในปี ค.ศ.2021
ขณะเดียวกัน ในญี่ปุ่นก็เพิ่งเพิ่มบทลงโทษผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ให้รุนแรงขึ้น โดยต้องจ่ายค่าปรับที่สูงขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากระดับเดิม และยังมีการเพิ่มโทษของการจำคุกเพิ่มเข้ามาด้วย โดยมีผลบังคับใช้ในญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม สืบเนื่องมากจากครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักเพราะอุบัติเหตุจราจร ที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
จากสถิติการขับขี่ในญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.2018 พบว่า มีอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถถึง 2,790 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตถึง 42 คน และเป็นสถิติที่สูงขึ้น 2.3 เท่า ในรอบ 10 ปี โดยตัวอย่างของการใช้โทรศัพท์ เช่น กดหมายเลขโทรออก รับสาย เล่นเกม ดูภาพ ตอบแชท เป็นต้น
ส่วนในประเทศไทย พระราชบัญญัติจราจรทางบก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2551 มาตรา 43 ระบุว่า ห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท
อ้างอิงจาก
https://www.japantimes.co.jp/news/2019/12/01/national/tougher-penalties-smartphone-driving-japan/
http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%A803/%A803-20-9999-update.htm
#Brief #TheMATTER