วันนี้ (17 มีนาคม) แถลงข่าวจากศูนย์ข้อมูล COVID-19 โดย เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศูนย์ข้อมูล COVID-19 กล่าวว่า จากการสอบถามบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลาย ขอยืนยันว่า สินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ขาดแคลน และประชาชนยังไม่มีความจำเป็นต้องกักตุนสินค้าแต่อย่างใด
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า มีความพร้อมสำหรับสถานการณ์ตลอดเวลา ไม่มีการปิดข้อมูลใดๆ จากประชาชน นอกจากนี้ การเข้าสู่ระยะที่ 3 ที่การพบการระบาดในวงกว้าง และไม่สามารถหาต้นตอได้ แต่ตอนนี้ ยังไม่มีกรณีใดที่เป็นแบบนั้น จึงถือว่า ประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2
โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการรับมือกับการระบาดของ COVID-19 ที่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ของรัฐบาล โดยมีข้อสรุป ดังนี้
เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ 13-15 เมษายน โดยขอให้ถือเป็นวันทำงานตามปกติ ไม่นับเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดภาคเอกชน เพื่อจำกัดการเดินทาง และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โดยจะหาวันหยุดมาชดเชยให้ภายในปีนี้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ม.35(1) ในการปิดสถานบันเทิง เช่น โรงหนัง ผับ บาร์ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และให้ถือเป็นการทำ big cleaning ในพื้นที่เหล่านั้น เวลา 14 วัน แล้วจึงจะมีการพิจารณาต่อไป
และย้ำว่า ไม่ใช่การปิดกรุงเทพฯ หรือปิดเมืองแต่อย่างใด เป็นเพียงการปิดสถานประกอบการบางแห่ง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น
ขณะที่ สถานศึกษาต่างๆ เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถาบันกวดวิชา ก็ให้ปิดการสอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ส่วนสถานที่อื่นๆ ที่มีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก และมีความเสี่ยงที่จะเป็นพื้นที่แพร่เชื้อ ในทั่วประเทศ จะต้องปิดจนกว่าจะมีคำสั่งอื่นๆ ต่อไป
และห้ามพนักงานรัฐวิสาหกิจ-ข้าราชการ เดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆ จึงจะให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาเป็นกรณี รวมถึงขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย
อนุทิน ยังย้ำด้วยว่า หากประชาชนให้ความร่วมมือ กินร้อน ล้างมือบ่อยๆ ตอนนี้ ช้อนกลางก็ไม่แนะนำแล้ว ให้ใช้ช้อนของตัวเอง ในการตักอาหาร แต่ให้ดีที่สุด คือการกินอาหารแบบจานใคร จานมัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ดังนั้น ความร่วมมือและความเข้าใจของประชาชนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
#Brief #TheMATTER