เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ได้ออกแถลงการณ์ที่มี 353 นักวิชาการลงนามร่วมกันว่า มหาวิทยาลัยต้องเป็นพื้นที่สำหรับการตั้งคำถามและแสวงหาทางออกร่วมกันอย่างสันติของสังคม หลังจากเหตุการณ์การปราศรัยบนเวทีชุมนุม ของนักศึกษาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงขอบเขตในการแสดงออกในรั้วมหาวิทยาลัยจำนวนมาก
โดยในแถลงการณ์ระบุว่า มหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่ที่มากกว่าการสอนบทเรียนแค่ในตำรา แต่ต้องมีความสามารถบ่มเพาะให้นักศึกษามีความสามารถในการคิด ตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์อย่างอิสระ เพราะสังคมจะไม่อาจเดินหน้าได้ หากไม่มีสมาชิกที่ปราศจากความสามารถ และคุณสมบัติเหล่านี้
“บทบาทของมหาวิทยาลัยในการบ่มเพาะสมาชิกที่มีความสามารถในการคิด ตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์จึงยิ่งทวีความสำคัญตามไปด้วย นอกจากนี้ บทบาทดังกล่าวไม่ได้จำกัดเฉพาะการจัดการเรียนการสอนให้กับนิสิตนักศึกษาในสถาบัน หากแต่หมายรวมถึงการเป็นพื้นที่ให้สมาชิกกลุ่มอื่นในสังคมได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนข้อเท็จจริง ด้วยเหตุด้วยผล โดยมีประโยชน์ของสังคมเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สังคมไทยมีความขัดแย้งทางความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์เช่นนี้ ไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมไปกว่ามหาวิทยาลัยสำหรับการให้สมาชิกในสังคมได้ตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบร่วมกันอย่างสันติ”
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังมองว่า สำหรับการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา รวมถึง 10 ข้อเสนอของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มหาวิทยาลัยไม่ควรพุ่งเป้าไปที่การปราศรัยเกินกว่าที่แจ้งไว้ หรือมองว่าการปราศรัยขัดศีลธรรม แต่ควรนึกถึงบทบาทหน้าที่ของมหาวิทยาลัยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ยังเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ไปยังผู้บริหารมหาวิทยาลัยรวมถึงภาคส่วนต่างๆ ได้แก่
1) ผู้บริหารมหาวิทยาลัยต้องอนุญาตให้นิสิตนักศึกษารวมถึงประชาชนได้ใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางการเมืองโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ ไม่หวาดกลัวต่ออำนาจอธรรม ความไม่ถูกต้อง รวมทั้งต้องไม่ถือว่าการจัดกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าวเป็นความผิด และต้องป้องกันนิสิตนักศึกษาจากความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
2) ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมพึงพิจารณาข้อเรียกร้องของนิสิตนักศึกษาอย่างมีสติ ด้วยเหตุด้วยผล และหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ ไม่ใช่ปฏิเสธที่จะรับฟังด้วยอคติ จนนำไปสู่การปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังได้
3) รัฐต้องเคารพในสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยสันติของประชาชนที่ได้รับการรับรองทั้งในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศ ต้องไม่ขัดขวางการจัดกิจกรรมทางการเมืองใน รวมถึงต้องอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ร่วมชุมนุม และป้องกันไม่ให้มีการประทุษร้ายนิสิตนักศึกษาเพียงเพราะพวกเขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในครรลองระบอบประชาธิปไตย
ดูแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ที่
https://www.facebook.com/ThaiAcademicNetworkforCivilRights/photos/a.487222531441124/1709812232515475/?type=3&theater
#Brief #TheMATTER