ในสหรัฐอเมริกามีโรงเรียนเอกชนที่กำลังขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า โดยเพิ่มวิทยาเขตใหม่แปดแห่งจากแคลิฟอร์เนียไปถึงนอร์ทแคโรไลนาและเปอร์โตริโก
‘โรงเรียนที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI-Driven School)’ หรือ ‘โรงเรียนอัลฟา (Alpha School)’ เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีค่าเล่าเรียนสูง โดยเริ่มต้นที่ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 1.3 ล้านบาท)
Alpha School กลายเป็นความท้าทายหนึ่งของโรงเรียนรัฐบาลในสหรัฐฯ เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้มีการปรับรูปแบบการสอนให้นักเรียนหนึ่งคนเรียน ‘วิชาการหลัก’ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน แต่ละวิชาจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที มีช่วงเวลาพักระหว่างคาบเรียน
โดย AI จะสร้างแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของนักเรียน ผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Synthesis Tutor หรือ Math Academy
แม็คเคนซี ไพรซ์ (MacKenzie Price) ผู้ร่วมก่อตั้ง Alpha School มองว่า โมเดลการเรียนรู้แบบ 2 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจว่านักเรียนจะสามารถเข้าใจศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง เพราะนักเรียนแต่ละคนจะสามารถเรียนรู้บทถัดไปได้ก็ต่อเมื่อพร้อมจริงๆ โดยคำนึงถึงความเร็วในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน
ขณะที่ช่วงบ่ายของ Alpha School ถูกใช้ในการพัฒนาทักษะด้านอื่นของชีวิต เช่น การแข่งขันจักรยานแบบทีม การทำธุรกิจร้านขายน้ํามะนาว การเรียนรู้ทักษะทางการเงิน การพูดในที่สาธารณะ
นอกจากนั้น Alpha School ยังใช้ ‘พี่เลี้ยง (Guides)’ แทนที่ ‘คุณครู’ ในการทำหน้าที่กระตุ้นผู้เรียนให้ไม่หลุดจากเส้นทางการเรียนรู้ โดยมีค่าจ้างเริ่มต้นที่ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 3.2 ล้านบาท) ซึ่งพี่เลี้ยงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องทำแผนการสอน บรรยายความรู้ หรือตรวจการบ้าน
การเรียนเพียง 25 นาทีต่อคาบเรียน ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน
แต่นักเรียนระดับชั้นมัธยมปลายรุ่นแรก 11 จาก 12 คน ของ Alpha School เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ อย่างสแตนฟอร์ด, แวนเดอร์บิลต์, เทกซัส ออสติน และ มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ขณะที่นักเรียนคนที่ 12 กลายเป็นนักสกีน้ำมืออาชีพ
ถึงกระนั้น แนวคิดการเรียนรู้แบบ Alpha School ยังถูกปฏิเสธจากหลายรัฐในอเมริกา มีเพียงรัฐแอริโซนาที่ยอมรับแนวคิดดังกล่าวและเตรียมเปิดโรงเรียน AI ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม)
สุดท้ายนี้ โรงเรียนที่ขับเคลื่อนด้วย AI กลายเป็นรูปแบบการเรียนใหม่ของระบบการศึกษา ซึ่งถูกมองว่าแตกต่างจากระบบการศึกษาเดิมอย่างสิ้นเชิง และเป็นที่น่าจับตาว่าการศึกษาในรูปแบบดังกล่าวจะส่งผลต่อผู้เรียนในอนาคตหรือถูกนำมาปรับใช้กับระบบการเรียนปกติหรือไม่
อ้างอิงจาก