เป็นครั้งแรกที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ออกมาพูดถึงรายงานผลการตรวจสอบของคณะลูกขุนใหญ่ (grand jury) ว่าในรัฐเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐฯ เพียงรัฐเดียว ก็มีบาทหลวงกว่า 300 คน เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุล่วงละเมิดเด็กกว่าพันคน ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญพบความพยายามในปิดบังเรื่องราวนี้อย่างเป็นระบบโดยคริสตจักร
“ด้วยความละอายและเสียใจอย่างสุดซึ้ง..ที่เราไม่สนใจใยดีเด็กๆ อย่างเพียงพอ เราทอดทิ้งพวกเขา”
“หากมองย้อนไปในอดีต คงไม่มีการขออภัยใดๆ หรือความพยายามใด ที่จะเพียงพอต่อการทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นได้ และหากมองไปสู่อนาคต เราต้องไม่ละความพยายามที่จะสร้างวัฒนธรรมเพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ รวมถึงการปกปิดมันด้วย”
[ อ่านจดหมายของโป๊ปฟรานซิสฉบับเต็มได้ที่นี่ https://cnn.it/2N5clR3 ]
รายงานซึ่งมีความหนากว่า 900 หน้าของ grand jury บรรยายพฤติกรรมของ ‘เหล่าบาทหลวงนักล่า’ (predator priests) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่พุ่งเป้าล่วงละเมิดเด็กๆ ทั้งชายและหญิง ด้วยวิธีการเมาเหล้าเด็กๆ จากนั้นก็จับเนื้อต้องตัว บางคนถูกข่มขืน ทั้งทางปาก ช่องคลอด และทวารหนัก
ขณะที่เกร็ก เบิร์ก โฆษกของวาติกันกล่าวย้ำว่า สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน มองพฤติกรรมของบาทหลวงเหล่านั้นเป็น ‘อาชญากรรม’ ไม่ใช่แค่การ ‘ทำบาป’
นับแต่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเข้ารับตำแหน่ง ในปี 2013 ก็พยายามดำเนินนโยบาย zero tolerance คือ จะไม่ทนต่อการล่วงละเมิดทางเพศในวิหารของพระเจ้า แต่นโยบายดังกล่าวก็ถูกตั้งคำถามว่าจะปฏิบัติได้จริงแค่ไหน ในช่วงเวลาที่คดีล่วงละเมิดทางเพศโดยบาทหลวงต่างๆ ทั่วโลก ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
.
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2018/08/20/europe/pope-francis-letter-sexual-abuse-intl/index.html
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-45249109
ที่มาภาพประกอบ
#Brief #TheMATTER