ปฏิเสธแทบไม่ได้ว่า นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิส ดาวรุ่งมือ 19 ของโลก จากญี่ปุ่น ได้เค้นฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิต จนเอาชนะ เซเรน่า วิลเลียมส์ ซึ่งถือเป็นไอดอลในวงการเทนนิสของเธอไปได้ สร้างสถิติเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรก ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมไปได้
วิลเลียมส์ เองยังกล่าวชื่นชมโอซากะว่า เธอเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ และนี่ก็ยังเป็นแกรนด์สแลมในชีวิตแรกของเธอด้วย พร้อมกับยินดีกับชัยชนะของนาโอมิ
ขณะเดียวกัน สิ่งที่สื่อจำนวนมากกำลังสนใจ คือดราม่าที่เกิดขึ้นในระหว่างแข่งขัน จากเหตุการณ์ที่วิลเลียมส์ถกเถียงกับ คาร์ลอส รามอส ที่เป็นแชร์อัมไพร์อย่างดุเดือดจนทำให้ถูกตัดแต้ม รวมถึงคำถามเรื่องเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง
ในรอบชิงครั้งนี้ วิลเลียมส์ถูกอัมไพร์เตือนสองครั้ง ครั้งแรกคือจากกรณีที่โค้ชของเธอส่งสัญญาณประมาณว่าให้เปลี่ยนวิธีการเล่น (หรือที่เรียกันว่าโค้ชชิ่ง) ซึ่งอัมไพร์เห็นเข้า แต่เธอยืนยันไม่ได้เห็นมันด้วยซ้ำ
การเตือนครั้งที่สอง เกิดขึ้นหลังจากที่วิลเลียมส์เขวี้ยงแร็กเกตลงบนพื้นจนหัก การเตือนครั้งนี้ทำให้เธอโดนลงโทษ ด้วยการตัดแต้ม โมเมนต์นี้ทำให้วิลเลียมส์เดือดขึ้นมาอย่างสุดๆ เธอเดินไปถกเถียงกับอัมไพร์ พร้อมกับพูดว่าเธอไม่เห็นด้วยกับการนับเรื่องโค้ชชิ่งให้เป็นคำเตือนครั้งแรก
วิลเลียมส์ยังยืนยันว่า เธอไม่เคยขี้โกงในการแข่งขันเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต และอัมไพร์ติดค้างคำขอโทษกับเธอ
ความเดือดของวิลเลียมส์ยังเกิดขึ้นต่อไป หลังจากที่โอซากะทำแต้มขึ้นนำ 4-3 ในเซ็ตที่สอง วิลเลียมส์หันมาคุยกับอัมไพร์ โดยย้ำอีกครั้งว่าอัมไพร์ติดค้างคำขอโทษกับเธอ “พูดออกมาสิว่าคุณขอโทษ” วิลเลียมส์กล่าวขึ้นด้วยความฉุนเฉียว
“คุณขโมยแต้มไปจากฉัน คุณมันก็เป็นขโมยเหมือนกันนั่นแหละ” วิลเลียมส์ พูดขึ้นระหว่างที่กำลังเดินไปเล่นในแต้มถัดไป ก่อนที่อัมไพร์จะประกาศให้วิลเลียมส์โดน game penalty คือให้แต้มเกมนั้นกับโอซากะไปแทน ซึ่งสถานการณ์ตอนนั้นเกมมันกำลังเข้มข้นมากๆ กำลังจะตัดสินผู้ชนะกันละ
แน่นอนว่า การถูกตัดแต้ม และความรู้สึกที่วิลเลียมส์คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นย่อมส่งผลต่อการเล่นอยู่ไม่น้อย มีคนวิเคราะห์กันว่า วิลเลียมส์มีความรู้สึกทำนองนี้มาแล้วหลายครั้งในการเล่นเทนนิสรวมถึงใน US Open ซึ่งมวลความไม่พอใจทั้งหมด มันก็มาระเบิดในการแข่งรอบนี้
หลังจากจบเกม ข้อถกเถียงก็ยังดำเนินต่อไป โดยวิลเลียมส์พูดตอนแถลงข่าวว่า การตัดสินใจของอัมไพร์นั้นไม่แฟร์ และเธอถูกทำอย่างนี้เพราะเธอเป็นผู้หญิง พร้อมกับยืนยันว่า เธอจะสู้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเช่นนี้ต่อไป
เช่นเดียวกับคนที่อยู่ฝั่งสนับสนุนวิลเลียมส์ ซึ่งหลายคนมองว่า การหักแต้มแบบนั้น ทั้งเรื่องโค้ชชิ่งและการถกเถียงกับกรรมการ มันคงจะไม่เกิดขึ้นอย่างเข้มข้นเช่นนี้ ถ้าเป็นกรณีของนักเทนนิสฝั่งผู้ชาย บางคนก็ตั้งคำถามว่า กรณีเช่นนี้ (การแสดงออกที่คัดค้านการตัดสิน) มันก็เกิดขึ้นในฝั่งผู้ชายบ่อยๆ แต่พอมาเป็นฝั่งผู้หญิงกลับถูกเลือกปฏิบัติ และถูกลงโทษได้ง่ายกว่ารึเปล่า?
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER