แฮชแท็ก #SaveRahaf ติดเทรนดิ้งของทวิตเตอร์ไทยในวันนี้ หลังชะตากรรมของหญิงซาอุดิอาระเบียคนหนึ่ง กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เมื่อถูกกักตัวในสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างแวะมาทรานซิตที่ไทยก่อนจะบินไปออสเตรเลีย (เธอบินมาจากคูเวต) และอาจถูกส่งตัวกลับไปรับโทษหนักในบ้านเกิด
สิ่งเกิดขึ้นกับ หญิงซาอุฯ วัย 18 ปี ที่ชื่อว่า Rahaf Mohammed Mutlaq Alqunun มีความสำคัญอย่างไร? เหตุใดคนในทวิตภพถึงได้ติดแฮชแท็กให้ช่วยเหลือเธอถึงกว่า 1.5 แสนข้อความ? และสำนักข่าวชื่อดังระดับโลก ทั้ง CNN, BBC, The Guardian, ABC News, Washington Post, New York Times ฯลฯ แกะติดรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง
เราจะพยายามสรุปให้ทุกคนอ่านเข้าใจในโพสต์เดียว
1.) ราฮาฟทวีตขอความช่วยเหลือผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @rahaf84427714 หลังถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิของไทย ในเวลา 21.30 น. ของวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างแวะมาทรานซิตในเที่ยวบินจากคูเวตไปออสเตรเลีย โดยเธอระบุว่า อยากขอ ‘ลี้ภัย’ เพราะหากถูกส่งตัวกลับประเทศอาจเป็นอันตราย
2.) ราฮาฟทวีตทั้งภาพในหน้าตัวเองและอายุ เพื่อยืนยันว่ามีตัวตนอยู่จริง “ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว” พร้อมกับเผยแพร่สำเนาพาสปอร์ต และคลิปความเคลื่อนไหวต่างๆ ของตัวเองระหว่างถูกกักตัวอยู่ในสนามบิน “ถ้าฉันกลับไป..ครอบครัวต้องฆ่าฉันแน่!”
เธอยังเล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกครอบครัวขังอยู่ในห้อง 6 เดือน เพียงเพราะไปตัดผม แต่ครอบครัวมองว่า ผู้หญิงไม่ควรจะตัดผมเหมือนผู้ชาย
3.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บอกกับบีบีซีว่า ราฮาฟหนีการแต่งงานมา และเนื่องจากเธอไม่มีวีซ่าเข้าไทย ทำให้ถูกกักตัว และอยู่ระหว่างรอส่งตัวกลับประเทศ
ซึ่งข้อมูลนี้จะขัดแย้งกับของราฮาฟที่อ้างว่า เธอแวะมาแค่ทรานซิตที่ไทยเพื่อจะไปออสเตรเลีย (ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่าเข้าไทย)
4.) ด้านโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า ราฮาฟมีวีซ่าเข้าออสเตรเลีย แต่เธออ้างว่าถูกนักการทูตของซาอุฯ ยึดพาสปอร์ตไป (แต่มีการเผยแพร่ภายหลังว่า บุคคลที่ยึดพาสปอร์ตของเธอก็คือ เจ้าหน้าที่สายการบินคูเวต)
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.เป็นต้นมา ราฮาฟถูกกักตัวไว้ในโรงแรมในสนามบิน และมีคนคอยคุมไม่ให้เธอหลบหนี
5.) ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุว่า “ยากจะเข้าใจได้ว่า เหตุใด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย ถึงไม่เข้าใจปัญหาที่ราฮาฟเจอ” และหากส่งตัวกลับไปยังซาอุฯ แล้วเธอถูกฆ่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
6.) ในปี 2014 เคยมีหญิงซาอุฯ อีกคน ชื่อ Dina Ali Lasloom วัย 24 ปี เคยพยายามหนีปัญหาภายในครอบครัวเช่นกัน จากซาอุฯ ไปยังประเทศอื่น แต่ถูกกักตัวไว้ระหว่างแวะทรานซิตที่สนามบินในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ และถูกส่งตัวกลับไปยังซาอุฯ ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ข่าวคราวของเธออีกเลย
7.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บอกว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างไทยกับซาอุฯ จะไม่ส่งไปประเทศที่สาม (ออสเตรเลีย) เพราะเป็นการเรื่องเข้าเมืองผิดกฎหมาย
8.) มีการจองสายการบิน Kuwait Airlines เที่ยวบิน KU412 เพื่อส่งตัวราฮาฟกลับประเทศในเวลา 11.15 น. ของวันนี้ ตามเวลาประเทศไทย แต่ราฮาฟก็ขังตัวเองไว้ในโรงแรม ไม่ยอมบินกลับ พร้อมกับเรียกร้องให้ UNHCR เข้ามาช่วยเหลือ แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้
อย่างไรก็ตาม สำนักกฎหมายเอ็นเอสพี ได้รับมอบหมายจาก Human Right Watch ให้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ว่าการกักขังราฮาฟอาจเป็นไปโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย มาตรา 90
9.) หลายๆ ฝ่ายติดตามกรณีของราฮาฟอย่างใกล้ชิด มีทั้งคนที่คอยทวีตเรียกร้องความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ, มีทั้งคนที่คอยแปลทวีตที่ราฮาฟเขียนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจสารที่เธอต้องการจะสื่อ ไม่รวมถึงทวีตหลังๆ ที่น่าจะมาจากคนอื่น (เพราะทวีตเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก) ไม่ใช่ตัวเธอเอง
จึงไม่น่าแปลกใจที่แฮชแท็ก #SaveRahaf จะติดเทรนดิ้งของทวิตภพในวันนี้
10.) ชะตากรรมของราฮาฟจะเป็นอย่างไรต่อไป จะถูกส่งตัวกลับคูเวต (และกลับไปยังซาอุฯ ในที่สุด) หรือไม่? แล้วถ้าได้กลับไปบ้านเกิดของเธอจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่? ยังต้องติดตามกันต่อไป ..อย่างใกล้ชิด
(เพิ่มเติม) ล่าสุด เจ้าหน้าที่จาก UNHCR ได้เจอกับราฮาฟแล้ว และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์บอกว่าจะให้เวลา 5-7 วัน ในการประเมินคำขอลี้ภัยของเธอ โดยยังไม่ส่งตัวกลับในระหว่างนี้ และเธอก็ได้พาสปอร์ตคืนมาแล้ว
ขณะเดียวกัน พ่อของราฮาฟก็บินจากซาอุฯ มาพูดคุยกันเธอโดยตรง เพิ่อหาทางยุติปัญหาที่เกิดขึ้น
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/rahaf84427714
https://www.hrw.org/news/2017/04/14/fleeing-woman-returned-saudi-arabia-against-her-will
https://www.facebook.com/nsplegalofficethailand/posts/1074634906057630
#Recap #TheMATTER