สภาคริสตจักรคืออะไร? ทำไมถึงเข้าไปมีบทบาทในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนได้? เหล่านี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมาจากกรณีที่ ผอ.กรุงเทพคริสเตียน ถูกสั่งให้พักงาน จนกลายเป็นแฮชแท็ก #SaveBCC ในโซเชียลมีเดีย
The MATTER สรุปเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้ในโพสต์นี้แล้ว
1.) ประเด็นข่าวเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม จากภาพเอกสารที่ ผอ.โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ และผู้จัดการโรงเรียน วัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี ได้ทำหนังสือขอให้ประธานกรรมการบริหารโรงเรียน ตั้งกรรมการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ในเรื่องปัญหาด้านการบริหารจัดการโรงเรียน
2.) แต่ในเอกสารนั้นก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มันคือการสอบสวนเรื่องอะไร หรือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ? หลังจากนั้นกระแสเกี่ยวกับปัญหาในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ก็เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
3.) ในตอนแรกมีคนตั้งข้อสังเกตว่านโยบายที่ ผอ.ศุภกิจ เคยทำเอาไว้ โดยเฉพาะการให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวทนั้นมันทำให้ ‘ผู้ใหญ่’ ที่มีอำนาจตัดสินใจต่อโรงเรียนไม่พอใจรึเปล่า จนกลายเป็นสาเหตุให้เกิดการสอบสวน
อย่างไรก็ดี หลังจากที่สื่อต่างๆ ได้เริ่มมีการตรวจสอบและสอบถามจากแหล่งข่าวภายในโรงเรียน ก็พบประเด็นเรื่องที่การจัดซื้อที่ดิน และโรงเรียนบึงกาฬคริสเตียนภายใต้งบกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยมองว่า ผอ.ตัดสินใจซื้อไปโดยพลการ
แต่กลุ่ม #SaveBCC ตั้งข้อสังเกตว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ได้รับการอนุมัติจากสภาชุดเก่า เช่นเดียวกับกรณี โครงการ Space Program ซึ่งโรงเรียนได้ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้รับการอนุมัติจากซูเปอร์บอร์ดของสภาคริสตจักรแล้วเช่นกัน
4.) ThaiPBS รายงานว่า นอกจากโครงการที่เกิดข้อขัดแย้งกัน เช่น โรงเรียนที่บึงกาฬ หรือ Space Program แล้ว ข้อพิพาทยังเกิดขึ้นในโครงการอื่นๆ อย่างการทำสัญญาเช่าสนามฟุตบอลกับโรงพยาบาลศรีธัญญา และการจัดจ้างพนักงานรักษาความสะอาด และ รักษาความปลอดภัยให้โรงเรียน
5.) ประเด็นสำคัญในดราม่านี้ อยู่ตรงที่ ‘กระบวนการตรวจสอบ’ ที่กลุ่มศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงกลุ่มของผู้ปกครองที่เชื่อว่า การตรวจสอบ ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนเกิดขึ้นอย่างผิดปกติและไม่โปร่งใส
กลุ่มที่คัดค้านระบุว่า คนที่ตั้งข้อกล่าวหานั้นได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบเสียเอง ซึ่งถือว่าผิดหลักการเป็นอย่างยิ่ง และคนที่ถูกตรวจสอบอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมได้
ขณะเดียวกัน ข้อกล่าวหาที่มีต่อ ผอ.และผู้จัดการโรงเรียน ก็โดนตั้งคำถามถึงความชัดเจนว่า สภาคริสตจักรไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดความผิดที่มีน้ำหนักเพียงพอ
6.) อธิบายถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า สภาคริสตจักรคืออะไร แล้วทำไมถึงมีบทบาทกับโรงกรุงเทพคริสเตียนได้?
สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย หรือ The Church of Christ in Thailand เป็นองค์กรด้านศาสนา ก่อตั้งอย่างเป็นทางการปี พ.ศ. 2473 ตามการผลักดันของกลุ่มผู้ถือนิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทย โดยช่วงแรกอยู่ภายใต้การดูแลของมิชชันนารีชาวต่างประเทศ
เมื่อเวลาผ่านไป การทำงานของสภาคริสตจักรก็เริ่มมีคนที่ไม่ใช่มิชชันนารีมากขึ้น และโครงสร้างการทำงานก็ขยายขอบเขต ครอบคลุมไปในด้านต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่น ด้านการแพทย์ การศึกษา ด้านงานพัฒนาสังคม โดยมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อยู่ใต้โครงสร้างนี้เป็นจำนวนมาก
เว็บไซต์สภาคริสตจักร ระบุถึงบทบาทหน้าที่เอาไว้ว่า “องค์กรทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแต้นท์ ที่รวมตัวกันเพื่อทำพันธกิจของพระเจ้าในประเทศไทย อันประกอบด้วย พันธกิจด้านการประกาศเผยแพร่พระกิตติคุณ พันธกิจด้านการศึกษา พันธกิจด้านการรักษาพยาบาลและพันธกิจอื่นๆ โดยมีหลักข้อเชื่อ ข้อปฏิบัติ และธรรมนูญเดียวกัน อยู่ภายใต้การปกครองเดียวกัน”
7.) สภาคริสตจักร มีโรงเรียนในสังกัดจำนวนมาก และตามโครงสร้างการบริหารงานแล้ว ก็เปิดทางให้สภาคริสตจักรเข้าไปมีส่วนร่วมกับโรงเรียนได้ผ่านบอร์ดที่ตั้งขึ้นมาได้
8.) โรงเรียนที่อยู่ภายใต้โครงสร้างบริหารของสภาคริสตจักร มีโรงเรียนชื่อดัง เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โดยโรงเรียนเหล่านี้มีเงินหมุนเวียนค่อนข้างมาก (ถ้านับเฉพาะกรุงเทพคริสเตียนก็มีราวๆ 500-600 ล้านบาทต่อปี)
9.) ตัดภาพกลับมาที่กรุงเทพคริสเตียน รายงานระบุว่า การเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารโรงเรียนชุดใหม่เมื่อกลางปีนี้ว่า สภาคริสตจักรได้ส่งคนของตัวเองเข้าไปในบอร์ดบริหารด้วย
รายงานระบุด้วยว่า หลังจากบอร์ดชุดใหม่เข้ามา ก็เกิดปัญหาเรื่องการไม่อนุมัติงบประมาณต่างๆ ที่เกี่ยวกับโรงเรียน รวมถึงตั้งข้อกล่าวหา ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนได้ทำผิดในหลายเรื่อง
ส่วนกลุ่ม #SaveBCC ได้ตั้งคำถามถึง ‘สายสัมพันธ์’ ของคนในสภาคริสตจักรที่เข้ามามีอิทธิพลต่อโรงเรียน และการบริหารงานมากจนเกินไป
10.) แม้จะมีการเจรจานอกรอบกันไปแล้ว รวมถึงเปลี่ยนคำสั่งจากพักงาน เป็นย้าย ผอ.ไปปฏิบัติงานที่เชียงใหม่แทน รวมถึงจำกัดบทบาทบางอย่างของ ผอ.รักษาการที่ควบตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่าความขัดแย้งก็ยังไม่จบลงง่ายๆ
กลุ่มศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงผู้ปกครอง ได้ไปรวมตัวกันแต่งชุดดำประท้วงที่หน้าโรงเรียน เพื่อท้วงการทำงานของสภาคริสตจักร และเรียกร้องให้คืน ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนคนเดิมกลับมา
“คณะกรรมการผู้ดำเนินการสอบสวน ประกอบไปด้วยบุคคลผู้ตั้งข้อกล่าวหาด้วยตนเองและคณะบุคคลผู้ที่ได้มีส่วนได้เสียในประเด็นกล่าวหาโดยตรง และได้มีคำสั่งพักงานหรือโยกย้ายงานซึ่งอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารเป็นกลุ่มคนของตนเอง” คือประเด็นในแถลงการณ์จากกลุ่ม #SaveBCC
11.) ข้อเรียกร้องจากกลุ่มดังกล่าวนี้ ยังรวมไปถึงการขอให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยุติธรรม เป็นไปโดยหลักธรรมาภิบาล รวมถึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่มีน้ำหนักเพียงพอ รวมถึงดำเนินกระบวนการตรวจสอบโดยบุคคลที่เป็นกลางจริงๆ
12.) สรุปในสรุปก็คือ ประเด็นใหญ่ของกรณีนี้อยู่ตรงนี้ คำถามต่อบทบาทของสภาคริสตจักรที่เข้าไปมีอิทธิพลต่อการบริหารงานโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
และกระบวนการตรวจสอบที่กลุ่ม #SaveBCC เห็นว่าไม่โปร่งใส และขัดต่อหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการนำคนที่ตั้งข้อกล่าวหาเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบเสียเอง อีกทั้งข้อกล่าวหาที่มีต่อ ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
ซึ่งทั้งหมดนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการบริหารโรงเรียน นโยบายการจัดการศึกษาของโรงเรียน และการศึกษาของเหล่านักเรียนด้วย
ด้าน รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน บรรจง ชมพูวงษ์ บอกว่า กระบวนการสอบสวนต่างๆ จะแล้วเสร็จในวันที่ 7 กันยายานี้ และจะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง
13.) ในภาพใหญ่ๆ แล้ว กรณีของกรุงเทพคริสเตียนได้ชวนให้พวกเราคิดต่อได้ถึงบทบาทของสภาคริสตจักรในประเทศไทย ที่มีต่อสถาบันการศึกษาภายใต้สังกัด และแน่นอนว่า ทิศทางการบริหาร มันก็ย่อมมีส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ รวมถึงคุณภาพการพัฒนานักเรียนด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่เราต้องจับตากัน คงเป็นจุดยืนของสภาคริสตจักร รวมถึงผลการสอบสวนว่าจะทำให้โรงเรียนแห่งนี้เดินไปในทางไหน?
อ้างอิงจาก
https://news.thaipbs.or.th/content/283278
https://news.thaipbs.or.th/content/282996
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/845180
https://www.dailynews.co.th/education/728181
https://tna.mcot.net/view/IojeUYu
#Recap #TheMATTER