ความบาดหมางในการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และตลาดน้ำมันอีกครั้ง เมื่อโรงน้ำมันในประเทศซาอุดิอาระเบีย ถูกโดรนโจมตีเสียหาย ส่งผลต่อการผลิตน้ำมัน กระทบต่อตลาดน้ำมันทั่วโลก และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น 15-20% อย่างน่าตกใจ
แต่นอกจากราคาน้ำมันที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแถบอ่าวเปอร์เซีย ที่ร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว ซึ่งถึงแม้จะมีกลุ่มก่อการร้ายออกมาบอกว่าเป็นผู้จัดการโจมตี แต่ก็ยังมีคนพุ่งเป้าไปยัง ‘อิหร่าน’ ประเทศคู่ขัดแย้งที่ยาวนานของซาอุฯ ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
ทำไมอิหร่านถึงถูกมองว่าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซาอุฯ จะจัดการกับเหตุการณ์นี้ยังไง โรงน้ำมันที่ถูกโจมตีส่งผลอย่างไรต่อโลก และสหรัฐฯ มิตรรักของซาอุฯ และคู่ปรับของอิหร่าน ออกตัวอย่างไรในเรื่องนี้ The MATTER สรุปมาให้ที่นี่แล้ว
1. เกิดเหตุโดรนโจมตีโรงงานแปรรูปน้ำมัน 2 แห่ง ในซาอุฯ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ซาอุฯ ต้องหยุดการผลิตน้ำมันครึ่งหนึ่งของประเทศ คือมากกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจำนวนนี้ถือว่าเท่ากับ 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก ทำให้เมื่อน้ำมันจากส่วนนี้หายไป ราคาน้ำมันโลกจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 15-20%
2. ภายหลังเหตุการณ์ กลุ่มกบฏฮูตี ของเยเมนได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ โดยอ้างว่า ได้ทำปฏิบัติการขนาดใหญ่สำเร็จโดยการใช้โดรน 10 ตัว ในภารกิจนี้ ทั้งยังเตือนซาอุฯ อีกว่า กลุ่มจะขยายเป้าหมายออกไปด้วย
.
3. ย้อนกลับไปถึงความขัดแย้งในเยเมน ซาอุฯ เองเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองของเยเมนตั้งแต่ปี 2015 ที่กบฎฮูตี ต้องการโค่นล้มรัฐบาล ในขณะที่ซาอุฯ เองก็เข้าไปสนับสนุนรัฐบาล ทั้งการทหาร และกำลังในการต่อสู้ทำสงครามกับกลุ่มกบฏ ทำให้มีประชาชนล้มตายจำนวนมาก และยังขาดอาหารอีกกว่า 10 ล้านคนด้วย นอกจากรัฐบาลแล้ว ซาอุฯ จึงเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้งสำคัญของกลุ่มกบฏ ที่มักถูกโจมตี
4. แต่ถึงอย่างนั้น หลายฝ่ายก็มองว่า ผู้ร้ายตัวจริง ไม่น่าจะใช่กลุ่มกบฏฮูตีที่กล่าวอ้าง แต่มองว่ามีโอกาสที่ อิหร่านหรืออิรัก จะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้มากกว่า โดย Peter Bergen นักวิเคราะห์ความมั่นคงของสหรัฐฯ กล่าวว่า เคยมีการโจมตีทางโดรนกว่า 200 ครั้งจากกบฏฮูตีในซาอุฯ แต่ไม่เคยมีการโจมตีที่มีประสิทธิภาพเท่ากับการโจมตีโรงน้ำมันครั้งล่าสุด จึงไม่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุมาจากเยเมน
5. ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบางคก็มองว่า มีโอกาสที่กลุ่มฮูตี จะพัฒนา ปรับปรุงโดรน และขีปนาวุธถึงขั้นการโจมตีในครั้งนี้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่า ต้องได้รับการช่วยเหลือสำคัญจากฝั่งอิหร่าน เช่นกัน
6. ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ผู้มักเกี่ยวข้องกับปัญหาในแถบอ่าวเปอร์เซียเอง ก็ออกมาทวีตว่า เขามองว่าว่าอิหร่านอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีในซาอุฯ เช่นกัน ทั้งรัฐบาลของเขายังใช้ภาพจากดาวเทียมอ้างว่า เป็นหลักฐานยืนยันว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลัง โดยอ้างว่า ทิศทางที่โดรนบินมา มาจากอิรัก และอิหร่านด้วย แต่ถึงอย่างนั้นทรัมป์ก็ยืนยันว่า เขาไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน
7. กระทรวงการต่างประเทศซาอุฯ ออกแถลงการณ์ว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ามีการใช้อาวุธของอิหร่านในการโจมตีด้วย ทั้งยังยืนยันว่าประเทศมีขีดความสามารถในการแก้ไข ปกป้องดินแดน และตอบโต้ผู้รุกรานด้วย
8. ถึงจะโดนปรักปรำจากหลายฝ่ายขนาดนี้ ทางอิหร่านก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการโจมตีครั้งนี้แน่นอน โดยฮัสซัน รูฮานี ปธน.อิหร่านปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้อาวุธของอิหร่าน แต่ออกมากล่าวว่า สาเหตุการโจมตีนี้ มาจากรากฐานปัญหาสงครามกลางเมืองในเยเมนต่างหาก
9. การเมืองต่างประเทศที่ร้อนระอุนี้ ก็ยังทำให้ตลาดน้ำมันระอุตามกันไป เพราะ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งสูงขึ้น 20% ในช่วงเริ่มต้นการซื้อขาย ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี ตั้งแต่เหตุการณ์สงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 ทั้งราคานำมันในสหรัฐฯ เองก็พุ่งขึ้น 14.7% สูงที่สุดในรอบ 10 ปี แต่ราคาก็ปรับตัวลงหลัง ทรัมป์ประกาศจะปล่อยเงินสำรองของสหรัฐฯ
10. การโจมตีในครั้งนี้ ยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมการบิน และการเดินเรือ ที่สายการบิน American, Delta, United และอื่นๆ มีหุ้นตกลงทันที เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลต่อความกลัวว่า ต้นทุนของการเดินทางอาจจะสูงขึ้น
11. แม้เรื่องราวจะเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเช่นกัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ใน 2 กรณีว่า หากซาอุฯ ไม่โต้ตอบด้วยการใช้ความรุนแรง สถานการณ์ราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวสูงขึ้นเพียงแค่ใน 1-2 สัปดาห์นี้เท่านั้น แต่ถ้าซาอุฯ เลือกใช้ความรุนแรงกลับ ก็มีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันจะสูงถึงสิ้นปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ซาอุฯ จะดำเนินการโต้ตอบอย่างไร? สหรัฐฯ จะหาหลักฐานอะไรมายืนยันว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ ? และด้านอิหร่านเองจะทำอย่างไร ? ราคาน้ำมัน และเศรษฐกิจจะผันผวนถึงเมื่อไหร่ กระทบไทยมากแค่ไหน เราคงต้องติดตามสถานการณ์ร้อนแรงในตะวันออกกลางนี้กันอีกต่อไป
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/business-49710820
https://edition.cnn.com/middleeast/live-news/saudi-oil-attack-dle-intl/index.html
https://www.aljazeera.com/news/2019/09/saudi-oil-attacks-latest-updates-190916102800973.html
https://www.posttoday.com/economy/news/600874
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/847366
#Oilprice #ตะวันออกกลาง #Recap #TheMATTER