ภาพลักษณ์ของกองทัพ กับ ชีวิตคนที่ติดเชื้อไวรัส คุณคิดว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน?
เมื่อไวรัสแพร่ระบาดในเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ กัปตันได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลือไปยังผู้คนมากมาย ก่อนที่สุดท้ายเขาจะถูกไล่ออกจากตำแหน่ง เพราะกองทัพมองว่าเขาขาดภาวะผู้นำในช่วงวิกฤติ
ประเด็นร้อนแรงมากๆ ในกองทัพสหรัฐฯ ตอนนี้ คือกรณีที่ นาวาเอก เบรตต์ ครอเซียร์ กัปตันเรือรบยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ถูกไล่ออกหลังเกิดดราม่าเรื่องขอความช่วยเหลือให้ลูกเรือหลายคนที่ติดเชื้อ COVID-19 ประเด็นนี้ถูกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งคำถามว่า อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างชีวิตของลูกเรือ หรือภาพลักษณ์ของกองทัพ
1.) นาวาเอก เบรตต์ ครอเซียร์ เป็นทหารสหรัฐฯ มีประสบการณ์ที่ผ่านศึกมาแล้วในหลายสมรภูมิ โดยเขาได้รับตำแหน่งกัปตันเรือบรรทุกเครื่องบิน ‘ยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์’ เมื่อปีที่แล้ว โดยเรือรบลำนี้มีความจุลูกเรือได้กว่า 4,000 คน
2.) เขาได้นำเรือธีโอดอร์ รูสเวลต์ อออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ มหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงหนึ่งเรือได้ไปเทียบท่าที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม แต่เมื่อเดินทางออกมาจากดานังได้ราว 15 วัน กัปตันก็พบว่าเริ่มมีลูกเรือติดเชื้อ COVID-19 แล้ว 3 คน
3.) เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนผู้ติดเชื้อก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น โดยรายงานล่าสุดคือมีผู้ติดเชื้อเพิ่มแล้วอย่างน้อย 100 คน
4.) กัปตันครอเซียร์ ประเมินว่า สถานการณ์ในเรือลำนี้กำลังวิกฤติมากๆ เพราะว่ามีพื้นที่จำกัด จนไม่สามารถกักตัวผู้ป่วยได้ตามมาตรฐานของ CDC (ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ) และถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ จำนวนผู้ป่วยก็อาจจะเพิ่มขึ้น จนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
5.) พอมาถึงวันที่ 30 มีนาคม 2020 กัปตันได้ส่งจดหมายความยาว 4 หน้ากระดาษถึงผู้บังคับบัญชา ใจความสำคัญคือการย้ำว่า เขาต้องการความช่วยเหลือเพราะเรือลำนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง จนไม่สามารถทำตามนโยบายของ CDC ได้
6.) ในจดหมายฉบับนี้ เขายังเขียนด้วยว่า เขาอยากให้อพยพลูกเรือส่วนใหญ่ขึ้นฝั่งไปรับการรักษาและกักตัวก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่ไปมากกว่านี้
กัปตันบอกว่า ลูกเรือ 7 คน จาก 33 คนแรกที่ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 เคยมีผลตรวจโรคว่าเป็นลบ (negative) แต่หลังจากผ่านการตรวจไปแล้ว 1-3 วัน พวกเขาถึงจะแสดงอาการติดเชื้อออกมา
“การเก็บลูกเรือมากกว่า 4,000 คนเอาไว้บนเรือ คือความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นและกระทบกระเทือนต่อความศรัทธาของลูกเรือ ที่พวกเขาเชื่อใจในการดูแลเอาใจใส่จากพวกเรา” กัปตันครอเซียร์ ระบุในจดหมาย
“ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรในตอนนี้ พวกเราจะล้มเหลวในการเอาใจใส่ดูแลสิ่งที่มีค่าที่สุดของพวกเรา ซึ่งนั่นก็คือทหารเหล่านี้ ไว้ไม่ได้” กัปตันทิ้งท้ายในจดหมาย
7.) จดหมายฉบับนี้ของกัปตัน ถูกเผยแพร่ผ่านสำนักข่าว San Francisco Chronicle ก่อนที่กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง เริ่มมีกระแสที่ตั้งคำถามว่ากองทัพสหรัฐฯ ปล่อยให้ลูกเรือเหล่านี้ถูกละเลยไปได้อย่างไร
8.) หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น พลเรือตรี จอห์น มีโนนี ผู้บัญชาการภูมิภาคมาเรียนาของกองทัพเรือสหรัฐฯ ก็ออกมาชี้แจงว่า ได้มีการอพยพลูกเรือราว 1,000 ไปกักตัวบนฝั่งแล้ว
9.) อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนมาเกิดที่คำแถลงจากกรุงวอชิงตัน เมื่อกระทรวงกลาโหมได้แถลงว่า กองทัพเรือได้ตัดสินใจปลดกัปตันครอเซียร์ออกจากตำแหน่งแล้ว เพราะมองว่ากัปตันครอเซียร์ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด รวมถึงได้สร้างความตื่นตระหนก และส่งจดหมายขอความช่วยเหลือถึงผู้คนในจำนวนที่มากเกินไป
10.) ส่วน The New York Times รายงานถึงความเห็นจากผู้ใหญ่ในกองทัพเรือว่า พวกเขาไม่พอใจที่กัปตันครอเซียร์ได้ทำผิดระเบียบของกองทัพ เพราะแทนที่จะส่งจดหมายส่งตรงถึงผู้บังคับบัญชาเท่านั้น แต่เขากลับส่งไปให้กับคนอื่นๆ รวมถึง 30 คน
สอดคล้องกับ โธมัส มอดลีย์ รักษาการรัฐมนตรีทบวงทหารเรือของสหรัฐฯ ก็ออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถึงแม้กองทัพพร้อมจะช่วยเหลือลูกเรือทั้งหมด แต่เนื้อหาในจดหมายของกัปตันครอเซียร์นั้น ได้สร้างความแตกตื่น พร้อมกับกล่าวว่า การส่งจดหมายในรูปแบบนี้คือ “การตัดสินใจที่ย่ำแย่” ของกัปตัน
มอดลีย์ ได้ยกตัวอย่างว่า ถ้อยคำที่กัปตันเรียกร้องขอให้เรือได้เทียบท่าในทันที เพื่อช่วยเหลือลูกเรือ 50 คนที่กำลังจะเสียชีวิต โดยทางกองทัพเรือมองว่า ถ้อยคำนี้สื่อว่ากัปตันไม่ได้ควบคุมสถานการณ์ได้ดีเพียงพอ
“เขาได้สร้างความตื่นตระหนก และสร้างการรับรู้ว่ากองทัพเรือและรัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันไม่จริงเลย” มอดลีย์ กล่าว
11.) ตัดภาพมาที่เรือ เมื่อกัปตันครอเซียร์ได้รับรู้ถึงคำสั่งจากกองทัพเรือแล้ว และได้เก็บของเดินทางออกจากเรือตามคำสั่ง แต่ถึงอย่างนั้น มีคลิปที่ถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางว่า ในตอนที่กัปตันกำลังออกจากเรือรบนั้น ลูกเรือได้มาเข้าแถวเพื่อส่งเขาด้วยความรัก และส่งเสียงเชียร์ เรียกชื่อกัปตันที่พวกเขารัก
“กัปตัน ครอเซียร์”
“กัปตัน ครอเซียร์”
“กัปตัน ครอเซียร์”
คือเสียงเชียร์กัปตันที่ลูกเรือเปล่งออกมา
(ดูคลิปได้ที่นี่ : https://twitter.com/girlsreallyrule/status/1246067852370751488)
12.) ล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ออกมาให้ความเห็นกับกรณีนี้แล้ว โดยทรัมป์มองว่า สิ่งที่กัปตันครอเซียร์ทำคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากๆ
“ผมคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันแย่นะ ในการเขียนจดหมายแบบนั้น เพราะนี่ไม่ใช่ห้องเรียนวิชาวรรณกรรม แต่นี่คือกัปตันเรือที่เก็บพลังงานนิวเคลียร์” นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังระบุด้วยว่า การส่งจดหมายไปหาหลายคนนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
“มันคือสิ่งที่ไม่เหมาะสม ผมไม่คิดว่านี่คือสิ่งที่เหมาะสม” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำถึงจุดยืนต่อสิ่งที่กัปตันครอเซียร์ทำ
13.) กรณีนี้เลยมีกระแสโต้กลับถึงทางกองทัพเรือพอสมควร โดยหลายฝ่ายตั้งคำถามว่า กองทัพเรือและรัฐบาลสหรัฐฯ ห่วงภาพลักษณ์และระเบียบทางราชการมากเกินไปหรือไม่ จนทำให้กัปตันเรือที่ต้องการช่วยชีวิตลูกเรือตัวเองต้องโดนไล่ออกจากตำแหน่ง ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรหรือเปล่า มิหนำซ้ำ ยังมีความตั้งใจดีที่อยากช่วยชีวิตลูกเรือด้วย
กรณีนี้จึงสื่อให้พวกเราเห็นได้ถึง ภาพการจัดการภาวะวิกฤติในกองทัพสหรัฐฯ ได้หลายแง่มุม ทั้งการตัดสินใจของกัปตัน นโยบายการปกป้องจากกองทัพเรือ รวมถึงจุดยืนจากผู้นำในภาวะที่วิกฤติเช่นนี้
อ้างอิงจาก
https://www.sfchronicle.com/bayarea/article/Exclusive-Captain-of-aircraft-carrier-with-15167883.php
https://www.theatlantic.com/notes/2020/04/time-capsule-11-captain-crozier/609409/
https://www.nytimes.com/2020/04/03/us/politics/coronavirus-brett-crozier-theodore-roosevelt.html
#Recap #TheMATTER