การปิดกลุ่ม ‘รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส’ เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตลอดช่วงวันที่ผ่านมา โดยล่าสุด เฟซบุ๊กประกาศว่าจะดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ข้อเรียกร้องของรัฐบาลไทย ขณะที่ฝ่ายไทยเอง ก็พร้อมใช้กฎหมายเข้าสู้กลับเช่นกัน The MATTER จึงขอมาสรุปเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ทุกคนกัน
1. กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ก่อตั้งโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มเฟซบุ๊กแบบปิด และเปิดตัวมาเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา โดยกลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อล้อเลียนกลุ่ม ‘มาร์เก็ตเพลส’ ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เปิดพื้นที่ให้คนมาฝากร้านกันในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก แต่กลุ่มดังกล่าว ก็ได้กลายเป็นพื้นที่ที่มีการพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา กลุ่มนี้ก็มีบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านกว่าบัญชีแล้ว
2. ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็ได้เปิดตัวเพจ ‘อาสา จับตา ออนไลน์’ เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้คนแจ้งเบาะแสสื่อสังคมออนไลน์ หรือเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย
3. พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมว่า กระทรวงจะรวบรวมตรวจสอบหลักฐานให้เสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง แล้วจะส่งให้ศาลอนุมัติคำสั่ง เพื่อทางตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และตำรวจที่เกี่ยวข้องตามจับผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว
4. จากนั้น เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา พุทธิพงษ์ ก็ประกาศว่า หลังจากเปิดตัวเพจอาสา จับตา ออนไลน์ได้หนึ่งสัปดาห์ ก็มีผู้แจ้งเบาะแสของเว็บหรือสื่อออนไลน์ผิดกฎหมายเข้ามาจำนวน 1,050 รายการ และเข้าข่ายว่ากระทำความผิดตามกฎหมายจำนวน 317 รายการ
5. โดยพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีมา เขาได้พยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาการโพสต์เนื้อหาผิดกฎหมายบนโซเชียลมีเดียในประเทศไทย แม้จะใช้เวลานานพอควร เพราะเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็ขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่สนับสนุนและให้กำลังใจมาตลอด ซึ่งทางออกสำหรับเรื่องนี้ก็คือต้องบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 27 อย่างจริงจัง
6. นอกจากนี้ พุทธิพงษ์ยังกล่าวอีกว่า ได้ให้เวลากับแพลตฟอร์มต่างประเทศ 15 วัน ในการทำตามคำสั่งศาล ลบข้อมูลต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหากแพลตฟอร์มไม่ทำตามคำสั่งจะดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มต่างประเทศนั้นๆ ซึ่งบทลงโทษของการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็คือ ปรับเงินจำนวน 200,000 บาท และจะปรับเพิ่มวันละ 5,000 บาท จนกว่าจะทำการปิดเพจ
7. พุทธิพงษ์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กอาจอ้างว่าไม่ได้รับหนังสือหรือหมายศาลอย่างเป็นทางการ ถือว่าเราให้เวลามานาน แต่ครั้งนี้พุทธิพงษ์จะส่งหนังสือไปอีกครั้งเพื่อให้ทราบว่ากระทรวงจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพราะปล่อยเวลามา 3 เดือนก็ไม่ดำเนินการ
8. และแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา (24 สิงหาคม) กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสก็ถูกจำกัดการเข้าถึงในประเทศไทย ตามคำขอทางกฎหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
9. ปวิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มนั้น ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า การที่เฟซบุ๊กตัดสินใจปิดกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ตามคำร้องของรัฐบาลไทย เท่ากับว่าเฟซบุ๊กเป็นส่วนหนึ่งที่ขัดขวางไม่ให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศไทย รวมถึง สนับสนุนให้มีการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร ทั้งยังกล่าวว่า “การตัดสินใจของเฟซบุ๊ก ถือเป็นอันตรายต่อสิทธิในการแสดงออกอย่างเสรี และประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้”
ถึงกลุ่มเก่าจะถูกปิดไป แต่ก็มีการเปิดกลุ่มขึ้นมาใหม่แล้ว ในชื่อ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” ซึ่งตอนนี้ (วันที่ 25 สิงหาคม เวลา 18.30 น.) มีบัญชีผู้ใช้งานที่เข้าร่วมกลุ่มแล้วอย่างน้อย 580,000 บัญชี
10. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยทั้ง CNN, BBC, Reuters, The Guardian, The New York Times และ Al Jazeera ต่างก็รายงานเหตุการณ์นี้
11. อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ข้อเรียกร้องจากรัฐบาลเช่นครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่รุนแรง และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งขัดกับจุดมุ่งหมายของเฟซบุ๊ก ที่ต้องการปกป้องและรักษาสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต และจะดำเนินการทางกฎหมายกับรัฐบาลไทย
12. นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า ข้อเรียกร้องของรัฐบาลไทยยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของเฟซบุ๊กในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัทฯ และการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก
13. ขณะเดียวกัน ช่วงเช้าที่ผ่านมา (25 สิงหาคม) คณะบุคคลเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็ได้ไปยื่นหนังสือเรีบกร้องต่อสถานทูตญี่ปุ่นให้มีมาตรการจัดการกับปวิน โดยให้สาเหตุว่า การกระทำของปวินเป็นการจาบจ้วง ยุยงปลุกปั่นด้วยคำที่หยาบคาย และอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์ ทั้งยังก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมอีกด้วย
14. ขณะที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า หากถูกเฟซบุ๊กฟ้องร้องจริง ก็พร้อมใช้กฎหมายไทยในการต่อสู้คดี เพราะแม้ทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ต้องไม่ผิดกฎหมายไทย
15. “ผมก็อยากจะบอกว่า ผมก็จำเป็นต้องเอ่ยชื่อนะครับ ไม่ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ก็มาจากเพจกลุ่มที่เรียกว่า รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ซึ่งก็รู้อยู่ว่าใครขับเคลื่อนอยู่ ก็คือ สมศักดิ์ กับ ปวิน คนเหล่านี้ เราก็รู้อยู่ว่า เป็นยังไง แล้ววันนี้ อยู่ที่ไหน แล้วเขารับผิดชอบในความเสียหายของประเทศชาติเราหรือเปล่า นี่เป็นสิ่งสำคัญ คนไทยที่เหลือก็ควรจะต้องเข้าใจตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย เขาไม่รับผลกระทบอะไรทั้งสิ้นเลย แต่คนที่เดือดร้อนที่สุดคือประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว (ถอดเทปมาอย่างนี้เป๊ะๆ)
ขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็จะแถลงการณ์ข่าวกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ในวันพรุ่งนี้ (26 สิงหาคม) โดยมีพุทธิพงษ์เป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวเอง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่เราต้องจับตาดูกันว่า จุดหมายปลายทางของคดีนี้ จะจบลงอย่างไร
https://www.bbc.com/thai/thailand-53832347
https://prachatai.com/journal/2020/08/89220
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1917683
https://www.youtube.com/watch?v=EXHZ_uKdgzY
https://www.prachachat.net/general/news-510993
#รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส #recap #TheMATTER