ไม่เพิ่ม ไม่ลด แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าสบายใจ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศเรื่องภาษีนำเข้าล่าสุดกับไทย โดยยังจะคงไว้ที่ 36% เท่าเดิมเหมือนกับที่เคยประกาศในตอนแรก
คำถามคือถ้าหากทรัมป์ยังคงตัวเลขนี้อยู่ แล้วไทยเราจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง? เราขอสรุปประเด็นมาให้ในโพสต์นี้
1. แรงงานไทยเสี่ยงตกงาน เพราะผู้ประกอบการสู้ภาษีส่งออกไม่ไหว
สินค้าที่ไทย ‘ส่งออก’ ไปยังสหรัฐฯ เป็นอันดับต้นๆ มีตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกล และข้าว ดังนั้น โรงงานในไทยที่เน้นส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปยังสหรัฐฯ ก็ต้องได้รับผลกระทบทางตรงอย่างแน่นอน
สิ่งที่ถูกประเมินเอาไว้ก็คือ ในภาคอุตสาหกรรมไทย การจ้างงานก็อาจจะน้อยลง มีการปลดพนักงานบางส่วนออก และอัตราการว่างงานก็อาจจะมากขึ้น โดยเฉพาะกับในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ไทยเรามีจำนวนแรงงานอยู่ประมาณ 700,000 คน เพราะลำพังการคิดกำไรให้ถึงมากกว่า 36% ก็ถือว่ายากมากๆ แล้วสำหรับผู้ประกอบการในปัจจุบัน
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกกับ สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย ว่า ไทยอาจได้รับความเสียหายในเชิงเศรษฐกิจจากการขึ้นภาษีของทรัมป์ราวๆ 200,000-300,000 ล้านบาท
เขายังประเมินด้วยว่า สิ่งนี้จะส่งผลต่อทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย และ SMEs ที่บางรายอาจจะเผชิญกับความเสี่ยงปิดกิจการ
2. ส่งออกเสียหายหนัก เพราะสหรัฐฯ คือตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย
ผลกระทบตามมาจากข้อแรก เมื่อบริษัทต่างๆ ที่ต้องส่งสินค้าออกไปยังสหรัฐฯ ไม่สามารถทำกำไรให้คุ้มกับภาษีที่ต้องเจอได้ พวกเขาก็อาจจะต้องทั้งปรับตัวหนัก ปลดพนักงาน ประหยัดต้นทุน รวมถึงพิจารณาถึงการส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่างจริงจัง
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาไทยเรามีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกเป็นอันดับที่หนึ่ง (มูลค่าที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ คือ 55,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 18.3% เมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของปีที่แล้ว) ทำให้การส่งออกที่เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของไทยต้องได้รับผลกระทบ และต้องหาตลาดอื่นๆ มาทดแทนสหรัฐฯ
ข้อประเมินสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยังรวมไปถึงอุตสาหกรรมภาคต่างๆ เช่น
อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน : เจอกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
อุตสาหกรรมอาหาร : โดนผลประทบโดยตรง โดยเฉพาะอาหารแปรรูปและสินค้าประมง
อุตสาหกรรมพลาสติก : ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และสูญเสียส่วนแบ่งตลาด
อุตสาหกรรมสิ่งทอ : อาจต้องชะลอการผลิตและส่งออก
อุตสาหกรรมเหล็ก : เจอกับการแข่งขันสูง เพราะคู่แข่งมีอัตราภาษีต่ำกว่าไทย
ขณะที่ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ สินค้าไทยในสหรัฐฯ จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งที่ได้เจอภาษีน้อยกว่า ดังนั้น ผู้ที่นำเข้าสินค้าในสหรัฐฯ ก็จะมองหาสินค้าทดแทนจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ไทย และราคาถูกกว่าด้วย
SCB EIC วิเคราะห์ด้วยว่า ส่วนไทยเอง แม้จะต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ น้อยลงเพราะสู่ภาษีนำเข้าไม่ไหว แต่การส่งสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ก็จะต้องสู้กับอีกหลายประเทศที่ก็หนีสหรัฐฯ มาด้วยเหมือนกัน ทำให้การแข่งขันของไทยก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม้ว่าบางตลาดไทยเราจะเป็นผู้เล่นหลักอยู่แล้ว
ที่สำคัญเมื่อสภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมก็ต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วยสินค้าบางรายการอาจจะราคาแพงขึ้นค่าแรงของบางบริษัทอาจจะลดน้อยลงเพราะผู้ประกอบการต้องลดต้นทุน
3. การเจรจาหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ?
พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้แทนทีมไทยแลนด์ที่เจรจาภาษีกับสหรัฐฯ บอกว่า ไทยได้ยื่นข้อเสนอใหม่ไปแล้ว สาระสำคัญคือ ไทยจะลดภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐฯ ในสินค้ามากกว่า 90% ของสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าทั้งหมด
“สำหรับข้อเสนอใหม่ เราลดภาษีนำเข้าให้กับอเมริกา ในสินค้ามากกว่า 90% ของจำนวนสินค้านำเข้าทั้งหมดจากสหรัฐ โดยส่วนใหญ่จะได้อัตราภาษีที่ 0% ส่วนสินค้าอีก 10% เท่านั้นที่ไม่สามารถลดภาษีได้ เนื่องจากจะกระทบกับกลุ่มผู้ผลิตในประเทศและการทำสัญญาการค้าเสรี หรือ FTA กับบางประเทศ” พิชัย ระบุ
ขณะที่ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ กรรมการบริหาร และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า ไทยอาจจะต้องเสียเปรียบอย่างมาก โดยเฉพาะเสียเปรียบเปรียบเวียดนาม ที่ถูกเก็บภาษีเพียง 20% และมาเลเซียที่ถูกเก็บภาษี 25% เพราะต่างชาติก็อาจจะหันเหไปยังสองประเทศในอาเซียนนี้มากกว่าไทยเพราะภาษีน้อยกว่า
“หากเวียดนาม 20% มาเลเซีย 25% เราจะอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ 10-16% จะมีนัยยะอย่างยิ่งกับผู้ส่งออก ทำไมจะซื้อจากไทย ถ้าซื้อจากคู่แข่งถูกกว่า ยิ่งไปกว่านั้น มีนัยยะกับคนที่คิดจะมาลงทุน จะมาสร้างโรงงานทำไม เพราะถ้าสร้างเสร็จแล้ว ต้นทุนภาษีแพงกว่าคู่แข่ง” ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ ระบุ
หลังจากนี้ คงต้องติดตามกันต่อไปว่า การเจรจาของไทยกับสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรต่อไปโดยเฉพาะภาษี 36% ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมากนั้นจะลดลงหรือไม่
#Recap #ภาษีทรัมป์ #TheMATTER