อนิเมะที่ว่าด้วยคนวิ่งแข่งกันมันจะน่าทึ่งได้สักแค่ไหน?
100 Meters (2025) คงไม่ได้น่าสนใจนักหากอ่านแค่เรื่องย่อที่เป็นเพียงแค่ตัวหนังสือ ว่ากันตามตรง หนังที่เล่าถึงเด็กชายและเพื่อนวันเด็กที่ซ้อมวิ่งเพื่อเล็งเป้าหมายไปยังระดับประเทศ คงไม่ใช่รูปแบบเนื้อหาที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ แต่ทันทีที่ได้เห็นผลงานอนิเมชั่นของตัวเรื่อง ผมก็สัญญากับตัวเองว่าจะต้องไปดูเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ให้ได้
จะว่าไปแล้ว การวิ่งเป็นกิจกรรมที่เหนื่อยแสนเหนื่อยและใช้ความพยายามใช่เล่น ถึงแม้ว่าโดยหลักการแล้ว การวิ่งจะเป็นเพียงการเพิ่มระดับจากการเดินที่เราทำเป็นประจำทุกวันให้เร็วขึ้น ยกขาให้สูงขึ้น ก้าวให้ไกลขึ้น และใช้แรงถีบส่งมากกว่า ฟังดูง่าย แต่พอถึงเวลาทำจริง การวิ่งก็กลายเป็นกิจกรรมที่ท้าทายจิตใจและร่างกายไปพร้อมๆ กัน
มนุษย์วิ่งมาแต่ไหนแต่ไรด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน ตั้งแต่การวิ่งเพื่อส่งสารในอดีต จนมาถึงตอนนี้ที่การวิ่งคือการออกกำลังกายสำหรับใครก็ตามที่อยากดูแลตัวเอง ส่วนใน 100 Meters การวิ่งคือทั้งชีวิตของใครบางคน

‘โทกาชิ’ คือเด็กชายที่เกิดมาเพื่อวิ่ง และต้องเป็นการวิ่งในระยะ 100 เมตรเท่านั้นด้วย โทกาชิเชื่อว่าทุกปัญหาจะมลายหายเมื่อได้วิ่งให้เร็วที่สุด เขาชนะทุกการแข่งขัน จนกระทั่งได้เจอกับ ‘โคมิยะ’ เพื่อนร่วมชั้นที่เพิ่งย้ายมาใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าโคมิยะจะวิ่งเก่งอะไรนะครับ ออกจะห่วยแตกเสียด้วยซ้ำไป ทว่าสิ่งที่ทำให้โทกาชิสนใจในตัวโคมิยะคือการวิ่งอย่างไม่ลดละ ไร้จุดหมาย จนบางครั้งไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก
สำหรับโคมิยะ การวิ่งไม่ได้มีเป้าหมายสำคัญอะไรนอกจากการออกแรงเพื่อทำให้ความตึงเครียดในชีวิตพร่าเลือน เขามักวิ่งด้วยท่าทางไร้ระเบียบ มีอาการหอบหายใจไม่ทันทุกครั้ง ต่างกับโทกาชิที่วิ่งด้วยฟอร์มอันแน่วแน่และคงความเร็วสูงสุดได้เสมอ ความสนใจที่เหมือนกันนี้พาให้โทกาชิอาสาที่จะสอนวิ่งให้กับโคมิยะ ทั้งคู่ฝึกซ้อมด้วยกันเสมอ โทกาชิตั้งเป้าจะเป็นที่ 1 ของประเทศ ส่วนโคมิยะนั้นวิ่งเพียงเพื่อให้ชีวิตยังเคลื่อนต่อไปได้
วันหนึ่ง ทั้งคู่ตกลงวิ่งแข่ง 100 เมตรกันแบบจริงจัง และในวันนั้นเองที่โทกาชิได้รู้ว่าเขาก็แพ้เป็น
แต่เดิม 100 Meters หรือ ひゃくえむ (Hyakuemu) เป็นมังงะที่เขียนโดย Uoto ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ออนไลน์ของโคดันชะ ด้วยเนื้อหาที่พูดถึงการแข่งขันกรีฑาเป็นหลัก ความนิยมของตัวมังงะจึงอาจจำกัดอยู่ในหมู่คนอ่านเฉพาะกลุ่ม และไม่มีกระแสในบ้านเราสักเท่าไหร่ สำหรับผม 100 Meters ได้มีโอกาสเฉิดฉายแบบเต็มกำลังก็ตอนที่สตูดิโอ Rock’n Roll Mountain หยิบเอาเรื่องนี้มาทำเป็นหนังอนิเมชั่นนี่แหละ
100 Meters มีสไตล์ภาพที่น่าทึ่งจนเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลักที่ขับเน้นให้ตัวหนังมีชีวิตชีวาเลยก็ว่าได้ หนังใช้ฉากหลังเป็นภาพวาดที่ลงด้วยสีน้ำ ตัดกับตัวละครที่ใช้เทคโนโลยี 3D เป็นหลัก ซึ่งการใช้เทคโนโลยี 3D ในงานอนิเมะนับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงพอตัว เพราะผลลัพธ์ที่ออกมามักจะเป็นอนิเมชั่นที่เคลื่อนไหวด้วยเฟรมเรตต่ำและดูไม่เนียนตา จนขัดกับภาพรวมของเรื่อง ในจุดนี้สตูดิโอ Rock’n Roll Mountain กลับสร้างการเคลื่อนไหวของตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะฉากที่แต่ละคนวิ่งแข่งกันในสนาม ที่ตัวอนิเมะประสบความสำเร็จในการฉายภาพของความเร็วในการวิ่ง สภาพแวดล้อม และความรู้สึกของตัวละครออกมาได้หมดจด

ด้านเนื้อเรื่องในช่วงแรกนับว่ามีความเป็นโชเน็นสูงเลยทีเดียว ตัวเรื่องจะพูดถึงมิตรภาพ ความฝัน ความหวัง และความท้าทายของนักวิ่ง เมื่อดำเนินเรื่องไปสักพัก 100 Meters ก็เริ่มเผยให้เห็นความจริงและความกดดันของเส้นทางการเป็นนักวิ่งมืออาชีพ โทกาชิต้องรับมือกับความคาดหวังของทั้งตัวเองและคนรอบข้าง อีกทั้งยังต้องรับมือกับอาการบาดเจ็บ โคมิยะกลายเป็นดาวเด่นในวงการที่แทบจะไม่เหลือความท้าทายใดๆ ให้เขาอีก หรือนักวิ่งบางคนที่ยอมรับความจริงว่าช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเขาได้จากไปแล้ว แต่ก็เลือกที่จะวิ่งต่อไป
อนิเมะสะท้อนความยอดเยี่ยมของการเป็นนักวิ่งที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อระยะทางเพียง 100 เมตรตรงหน้า ระยะทางที่พวกเขาลงทุนลงแรงฝึกซ้อมมานับหลายสิบปีเพื่อช่วงเวลาเดียวเท่านั้น นั่นคือเวลาเพียง 10 วินาทีในสนามแข่ง มันเส้นทางอันโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครเข้าใจได้เท่ากับคู่แข่งของพวกเขาเอง
แม้เรื่องจะพูดถึงการแข่งขัน แต่ใจความสำคัญของ 100 Meters ก็ยังเป็นความสัมพันธ์ของผู้คนที่รายล้อมอยู่กับการวิ่ง ทั้งโทกาชิที่มอบความหมายของการวิ่งให้โคมิยะ เพื่อนในชมรมกีฑาที่ทำให้โทกาชิมั่นใจในการวิ่งอีกครั้ง และนักแข่งที่คอยผลักดันกันให้ก้าวฝีเท้าไปข้างหน้า สุดท้ายแล้วการวิ่งที่มีเพื่อนวิ่งอยู่ด้วยกัน ก็อาจสำคัญกว่าการเป็นที่ 1 โดยไร้คู่แข่ง