ไม่มีใครบอกได้ว่าเราจะเป็นแฟนคลับไปจนถึงอายุเท่าไหร่ ไม่มีใครบอกได้ว่าเราจะยังชอบศิลปินคนเดิมไปได้จนถึงตอนไหน แต่ในวันนี้ 8 เมษายน 2024 มีบางคนเป็นแฟนคลับวงหนึ่งมาแล้วถึง 12 ปีเต็ม
ในวันที่สุริยุปราคาเต็มดวงเกิดขึ้นเหนือผืนแผ่นดินของทวีปอเมริกา วงเกาหลีที่ถูกวางคอนเซ็ปต์ให้มาจากต่างโลกอย่าง EXO ก็ก้าวเข้าสู่ขวบปีที่ 12 ของการเดบิวต์พอดิบพอดี
อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่ไอดอลสักวงหนึ่งจะอยู่ในวงการมาได้เป็นสิบๆ ปี ทว่าสำหรับคนที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับแล้ว การที่วงที่เรารักยังคงโลดแล่นประดับวงการได้อย่างสง่างามนั้น เป็นสิ่งที่มีค่าเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด
เพราะเราในฐานะแฟนคลับรู้ดีกว่าใคร ว่าเส้นทางตลอด 12 ปีของวงที่เรารักไม่ได้เรียบง่าย เราผ่านเรื่องราวนับร้อยมาด้วยกัน ทั้งช่วงเวลาที่แสนสุขและขมขื่น เราได้ยิ้มจนแก้มเมื่อย ได้หัวเราะจนท้องแข็ง ได้ร้องไห้แบบไม่ทันตั้งตัว ทุกวินาทีที่แสนมีค่าตลอด 12 ปีที่ผ่านมา คือช่วงเวลาที่สายใยแห่งความผูกพัน ถักทอ EXO และ EXO-L ให้เหนียวแน่นมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้
12 ปี ฟังแล้วอาจดูยาวนาน แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในวันแรกที่ได้รัก มันกลับสั้นจนน่าใจหาย และเราได้แต่ภาวนาขอให้ทุกๆ ปีนับจากนี้ เราจะได้อยู่นับปีที่ 13 14 จนถึงอนันต์ไปกับพวกเขาเสมอ
ในตอนที่เริ่มรัก บางคนยังเรียนม.ต้น แต่วันนี้เรียนจบมีงานทำ บางคนเริ่มรักตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงาน วันนี้กลายเป็นหัวหน้า บางคนเริ่มรักตั้งแต่เริ่มคบกับแฟน จนวันนี้จูงมือลูกเข้าโรงเรียน และเพราะเขาอยู่ในทุกช่วงของการเติบโต สำหรับ EXO-L EXO เลยเป็นนิยาม ‘My youth is yours’ ที่ชัดเจนที่สุด
EXO และ EXO-L สร้างตำนานมาด้วยกันเสมอ
“WE ARE ONE, EXO ซารังฮาจา”
ถ้อยคำที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมาย และทุกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ราวกับมีน้ำทิพย์มาชโลมหัวใจของ EXO-L ให้ยิ้มได้เสมอมา ไม่ว่าจะในรายการเพลง สตอรี่ไอจี รายการวาไรตี้ คอนเสิร์ต หรือแม้แต่บนเวทีประกาศรางวัล เพราะนี่คือเครื่องย้ำเตือนว่า EXO ยังอยู่ตรงหน้า และเป็นเช่นนั้นเสมอมาไม่เปลี่ยน
หลายคนอาจคิดว่า EXO ประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะมาจากค่ายใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว เส้นทางของวงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ เกือบจะเรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จในอัลบั้มแรกอย่างที่ใครหลายคนคาดหวังไว้ EXO ไม่ได้รับถ้วยรางวัลแรกในรายการจากเพลงเดบิวต์ ไม่ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ในเวทีประกาศรางวัลใหญ่ตอนสิ้นปี คำดูถูก สบประมาทมากมายต่างถาโถมเข้ามา ว่าแม้จะมาจากค่ายใหญ่อย่าง S.M. Entertainment แต่กลับเป็นเสมือนความล้มเหลวของค่าย
หลังเดบิวต์ และทิ้งช่วงเวลาคัมแบ็กยาวนานกว่า 1 ปี จากการแบ่งฝั่งโปรโมต EXO-M, EXO-K ก็กลับมารวมตัวกันเพื่อโปรโมตคัมแบ็ก Wolf ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะหลังจากคัมแบ็กครั้งแรกนี้ ในวันที่ 14 มิถุนายน 2013 EXO ก็ได้รับถ้วยรางวัลแรกในรายการเพลง Music Bank น้ำตาหยดแรกไหลเมื่อพวกเขาเริ่มกล่าวคำขอบคุณ
และในปีเดียวกันนั้น ใครจะรู้ว่าจากวงที่เคยได้รับคำสบประมาทจากชาวเน็ตว่าเป็นความล้มเหลวของค่าย จะพาวงการ K-pop ทะยานสู่จุดสูงสุดในรอบ 12 ปี หลังการปล่อยรีแพ็กเกจอัลบั้ม Growl เสียงคำรามก็ดังก้องไปทั่วทั้งประเทศ เพราะอัลบั้มรีแพ็กเกจนี้ มียอดขายอัลบั้มทะลุ 1 ล้านอัลบั้มได้ในรอบ 12 ปี และคว้ารางวัลในรายการเพลงมากถึง 14 ถ้วย เรียกได้ว่าไม่มีใครในปี 2013 ที่ไม่รู้จักเสียงคำรามอือรือรองของเหล่าหมาป่ากลุ่มนี้
“วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2013 เวลา 11 นาฬิกา 44 นาที 34 วินาที ตามเวลาเกาหลี” สุรเสียงขานเวลาจากลีดเดอร์วง EXO ดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มแสนปีติและแววตาที่มุ่งมั่น คละเคล้าด้วยเสียงเชียร์อันกึกก้องของเหล่าแฟนคลับ เมื่อพวกเขาขึ้นรับรางวัล Album of the Year บนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลี ณ ขณะนั้น
…แดซังแรกของพวกเราแล้วมาถึงแล้ว
จากวงที่ไม่ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ กาลเวลาผันผ่านมาเพียง 1 ปี พวกเขากลับได้รับรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของงานอย่าง ‘Album of the Year’ มาครอบครองแทน และไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้น เพราะในปีเดียวกัน นอกจากแดซังในงานประกาศรางวัล MAMA แล้ว EXO ก็ยังคว้าแดซังจากอีก 2 เวทีใหญ่ อย่าง MMA และ KBS Gayo มาครองอีกด้วย
แต่หน้าประวัติศาสตร์ก็หยุดบันทึกความสำเร็จเพียงเท่านั้นไม่ได้ เพราะ EXO ยังคงเดินหน้าสร้างตำนานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขึ้นรับรางวัลแดซังติดต่อกันถึง 5 ปีซ้อน จากเวที MAMA ร่วมขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการ K-pop จนได้รับการขนานนามว่านี่คือ ‘King of K-pop’
ความโด่งดังถูกการันตีด้วยยอดขายทะลุ 1 ล้านอัลบั้มในทุกครั้งที่คัมแบ็ก ถ้วยรางวัลนับร้อยที่ประดับอยู่ในตึกกวังยาของ S.M. แฟนคลับนับล้านที่พร้อมซัปพอร์ต รวมถึงการสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการ เพราะบัตรคอนเสิร์ตนับหมื่นที่นั่งขายหมดในเวลาเพียง 0.2 วินาที และคราใดที่คอนเสิร์ตรวมมี EXO เมื่อถึงคราวขึ้นแสดง ทะเลสีเงินของแท่งไฟ ก็จะสว่างขึ้นในพริบตา พร้อมด้วยเสียงแฟนชานท์ดังกระหึ่มจนกลายเป็นที่กล่าวขานจนถึงทุกวันนี้
ความสำเร็จที่ EXO และ EXO-L ร่วมกันสร้างและจารึกลงบนวงการ K-pop นำพาให้พวกเรามียุคสมัยเป็นของตัวเอง หากต้องไล่เรียกเส้นทาง K-pop ตั้งแต่แรกเริ่ม วรรคหนึ่งของไทม์ไลน์นั้น จะต้องมี ‘ยุค EXO’ ประดับอยู่
จนเคยมีคนเล่าแบบติดตลกไว้ว่า ตอนผู้ชายเกาหลีเข้ากรมทหารไป พอถึงวันปลดประจำการก็จะได้รู้ว่าวงดังของ K-pop นั้นเปลี่ยนไปแล้ว แต่กลับกัน เพราะทั้งก่อนที่เขาจะเข้ากรม และหลังปลดประจำการแล้ว มันก็ยังเป็นยุคของ EXO อยู่ไม่เปลี่ยน จนคำถามที่ถูกถามไม่ใช่ว่า ‘คุณชอบ K-pop วงไหน’ แต่เป็น ‘คุณชอบใครใน EXO’ แทน
EXO เริ่มยุคทองของตัวเอง ด้วยอัลบั้มที่แตะล้านในรอบ 12 ปี และลากยาวสู่การเป็น Nation’s Pick อย่างเป็นทางการ เมื่อเพลง Growl, Power และ EXO ได้รับเกียรติให้แสดงในพิธีปิดงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ รวมถึงโรงกษาปณ์แห่งชาติเกาหลี ได้ผลิตเหรียญที่ระลึกสำหรับ EXO เพื่อเป็นเกียรติที่พวกเขาได้ขึ้นเป็นจุดศูนย์กลางของกระแสความนิยมในวงการเพลงเกาหลีใต้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ EXO ยังคงเป็นศิลปินกลุ่มแรกและกลุ่มเดียวที่ได้รับเกียรตินี้จากหน่วยงานของรัฐบาล
และตำนานล่าสุดที่ EXO กับ EXO-L ร่วมกันจารึกไว้ คือ เมื่อปลายปี 2023 เพลง B-side ‘The First Snow’ กลับมาติดชาร์ตทันทีที่หิมะแรกเริ่มโปรยปราย และสร้างความพิเศษใหม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการทำลายสถิติเดิม ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ตเพลงเกาหลี แม้เพลงจะปล่อยมานานถึง 1 ทศวรรษเต็มแล้วก็ตาม รวมถึงมีชาเลนจ์ให้คนทั้งโลกได้เต้นจนเกิดเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ หลังจากติดชาร์ตอยู่นานหลายสัปดาห์ ก่อนสิ้นปี 2023 เพลง ‘The First Snow’ ก็ส่งท้ายปีด้วยการคว้าถ้วยรางวัลที่ 1 ในรายการเพลง Music Bank ทั้งที่ไม่เคยได้โปรโมต
“ใครๆ ก็เคยเป็น EXO-L”
คล้ายเป็นประโยคหยอกล้อ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในนั้นมีเสี้ยวของความจริงผสมอยู่ ไอดอลยุคใหม่หลายคนเติบโตขึ้นมาโดยมี EXO เป็นโรลโมเดล ดาราที่เราชื่นชอบตอนนี้อาจเคยเป็นคนที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ปกป้อง EXO มาด้วยกันกับเรา เพื่อนที่นั่งข้างกันในออฟฟิศอาจมีสักคนที่เคยชอบ EXO หรือถ้าลองฮัมเพลง Love Shot ขึ้นมา ไม่แน่เพื่อนร่วมห้องของคุณอาจจะเคยเต้นมันก็ได้
ทั้งหมดเป็นเสมือนเครื่องการันตีว่า EXO ยังคงเป็น EXO และยังคงเป็นบอยแบนด์แห่งชาติของเกาหลีอยู่เสมอ แม้จะผ่านมาแล้วถึง 12 ปีก็ตาม
ความขมขื่น การยืนหยัด และอนาคตอันรุ่งโรจน์
ทว่าใครจะรู้ เบื้องหลังความสำเร็จมากมายเหล่านั้น EXO และ EXO-L ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่แสนขมขื่นเพียงใด ราวกับทั้งศิลปินและแฟนคลับอย่างเรา กำลังฝ่าด่านเคราะห์กรรมบนสวรรค์เพื่อบรรลุเป็นเทพเซียนก็ไม่ปาน ด้วยบททดสอบที่หนักหนาขนาดนี้ คาดว่าตำแหน่งที่ได้รับไม่น่าจะใช่เพียงเทพเซียนธรรมดาๆ แต่อาจบรรลุเป็นถึงเง็กเซียนฮ่องเต้เลยก็ได้
เพราะนอกจากคำสบประมาทที่ว่าเป็นความล้มเหลวของค่ายตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ หลังรับแดซังแรกอย่างภาคภูมิ และกำลังจะเริ่มคอนเสิร์ตแรกที่ทุกคนต่างรอคอย ฟ้าที่เคยสดใสกลับมีอสนีบาตฟาดลง เมื่อเมมเบอร์ในวงประกาศฉีกสัญญาและดำเนินการฟ้องร้องค่ายเนื่องจากสัญญาไม่เป็นธรรม ในวันที่ลีดเดอร์ของวงต้องขึ้นรับรางวัลในรายการเพลงเพียงคนเดียว พูดขอบคุณแฟนคลับให้ยืดหยัดอยู่ด้วยกัน ภายใต้ยิ้มที่แสดงออกมาให้เห็น เราไม่รู้ว่าเขากำลังแบกรับความหนักหนาไว้มากเพียงใด
และไม่ใช่แค่ 1 แต่มากถึง 3 จำนวนเมมเบอร์จาก 12 ถูกลบหายไปเหลือไว้เพียง 9 คนที่ยืดหยัดอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงวันนี้
หลังจากผ่านเรื่องราวที่แสนสะเทือนใจทั้งศิลปินและแฟนคลับมา EXO ก็ไม่หยุดที่จะสู้และพยายามพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่า ตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกัน และนับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีอะไรที่มาสั่นคลอนพวกเขาทั้ง 9 ให้แยกจากกันได้
แต่ความยากลำบากไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เพราะเมื่อปี 2016 เกาหลีใต้เกิดความขัดแย้งกับจีนเรื่องการติดตั้งระบบขีปนาวุธ THAAD (Terminal High Altitude Area Defense System) ทำให้จีนสั่งแบนอุตสาหกรรมบันเทิงจากเกาหลีใต้ ทั้งซีรีส์ เพลง คอนเสิร์ต และแน่นอนว่า EXO ก็ได้รับผลกระทบนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ คอนเสิร์ตและงานต่างๆ ในจีนถูกประกาศยกเลิก และ ‘จางอี้ชิง หรือ เลย์’ สมาชิกชาวจีนเพียงคนเดียวในวงถูกจับจ้องเนื่องมาจากการทำงานในเกาหลี ด้วยสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ ทำให้อี้ชิงไม่ได้ร่วมคัมแบ็กกับ EXO ไปในระยะหนึ่ง
และแล้ววันที่ EXO ถูกค่ายลอยแพก็มาถึง ไม่มีใครทราบเหตุผลว่าทำไม ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ค่ายกระทำกับพวกเขา เพราะ EXO ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ไม่มีบกพร่อง ทุบสถิติเดิมในทุกครั้งที่คัมแบ็ก ยอดขายอัลบั้มยังถล่มทลาย คอนเสิร์ตบัตรยังขายหมดทุกที่นั่ง เป็นวงที่สร้างค่ายอย่างสมบูรณ์แบบ และยังคงกวาดรางวัลแดซังได้ในทุกปี แต่ค่ายกลับเลือกที่จะทิ้งขว้างพวกเขา และปล่อยกระแสให้เงียบหายไปเฉยๆ จากที่ EXO เคยได้รับคัมแบ็กถึง 3 ครั้งต่อปี ก็ลดเหลือแค่คัมแบ็กเดียว และขึ้นสเตจรายการเพลงน้อยลงเรื่อยๆ กระทั่งถึงวันนี้ การที่ค่ายลอยแพ EXO ก็ยังคงเป็นปริศนา ขนาดที่ว่า EXO เองก็ยังตั้งคำถามถึงการกระทำของค่ายเช่นกัน
การดูแลแบบทิ้งขว้าง ลดงบการทำอัลบั้มและการโปรโมต ปล่อยให้ EXO ต้องปลอบประโลมแฟนคลับที่เฝ้ารอแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงสัญญาทาสที่ไม่เป็นธรรมก็ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายปะทุขึ้น สมาชิก 3 คน ยื่นฟ้องเพื่อขอแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับพวกเขา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางค่ายต้นสังกัดมีการกดดันให้สมาชิกวงต่อสัญญาโดยมีอนาคตของวงเป็นตัวประกัน ทั้งเกิดการปล่อยข่าวลือต่างๆ ที่สร้างผลกระทบให้กับวง
แต่แน่นอนว่า พวกเขายังหนักแน่นในจุดยืนของตัวเองเสมอว่า จะไม่ยอมให้ใครใช้ประโยชน์จากความทรงจำ ความรัก ความเยาว์วัย ความพยายาม และความหลงใหลที่มีร่วมกันระหว่าง EXO กับ EXO-L ยิ่งไปกว่านั้น คือพวกเขาให้ความสำคัญกับสมาชิกวงเสมอ กว่าครึ่งชีวิตของที่พวกเขาใช้มันไปกับการร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เขาจะไม่ทรยศสมาชิก และจะให้ความสำคัญกับ EXO ในทุกสถานการณ์ และเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาจะไม่กลัวตราบใดที่เรามีกันและกัน
หลังพายุแห่งการฟ้องร้องคลี่คลายลง สมาชิกทั้ง 9 คน ตัดสินใจที่จะปรึกษาหารือ เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมให้กับตัวเอง และในท้ายที่สุด สมาชิกบางคนก็ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญากับ S.M. Ent. แต่ยังมีสัญญาใจร่วมกันว่า พวกเขายังเป็น EXO อยู่เสมอ และจะยังสร้างผลงานร่วมในกันฐานะ EXO แม้จะเลือกเติบโตในเส้นทางที่แตกต่างกันก็ตาม
ทำให้ในตอนนี้ EXO เป็นวงที่มีสมาชิก 9 คน แต่มาจาก 4 ค่าย คือ S.M. Entertainment / Chromosome Entertainment / Company SooSoo และ INB100 ซึ่งสำหรับ EXO-L บางคนแล้ว แม้ว่าเสี้ยวหนึ่งในใจเราจะอยากให้เขายังอยู่ด้วยกันเหมือนในวันวาน แต่แน่นอนว่าการเห็นเขาเติบโต และหลุดพ้นจากความไม่เป็นธรรมที่ต้องเผชิญ กล้าลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของพวกเขาเองนั้น ย่อมดีกว่าเสมอ
พวกเขายืนหยัดเพื่อให้ EXO ได้ทำกิจกรรมวง ได้คัมแบ็ก ได้พบปะกับแฟนคลับ และในทุกๆ กิจกรรมเดี่ยวของพวกเขา คำว่า “จะกลับมาหา EXO-L พร้อมกับเมมเบอร์” ก็จะถูกเอ่ยออกมาเสมอ ราวกับเป็นคำมั่นสัญญา ไม่ว่ายังไงเราจะกลับมาพบกันแน่นอน
ทุกความยากลำบากที่พวกเขาผ่านมาด้วยกันจนถึงวันนี้ เป็นเครื่องย้ำเตือนชั้นดี ถึงวันเวลาที่แม้จะยากลำบาก แต่ก็แสนสุข เพราะพวกเขาได้เดบิวต์เป็น EXO ด้วยกัน เหมือนคำกล่าวของเมเนเจอร์ที่อยู่กับ EXO มาตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ว่า “ในวันนี้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ค่ำคืนที่มีคิมบับราคา 1,000 วอน และความโรแมนติก ที่ 521 ย่านอับกูจอง” – โน ยงมิน
ตลอดไปอาจมีจริง
“With EXO-L”
ในวันนี้แต่ละคนจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ในเส้นทางงานเดี่ยวของตัวเองรออยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่เคยลืม ไม่เคยทิ้งไว้ข้างหลังเลยนั่นก็คือ EXO-L
หลายต่อหลายครั้งเราจะได้เห็นถ้อยวลี ‘With EXO-L’ ประดับอยู่ ไม่ว่าจะใน MV อัลบั้ม หรือคำขอบคุณ ย้ำให้รู้ว่าเราก็คือส่วนสำคัญที่ร่วมสร้างผลงานชิ้นนี้มากับ EXO
เพราะไม่ใช่แค่ EXO-L ที่มี EXO เป็นช่วงเวลาในวัยเยาว์ ทว่า EXO เอง ก็มี EXO-L เป็นวัยเยาว์ของเขาด้วยเช่นกัน
เหลืออีกเพียงปีกว่าๆ 2 น้องเล็กของวงที่ตอนนี้กำลังเข้ากรมรับใช้ชาติ ก็จะปลดประจำการ และเมื่อถึงวันนั้น EXO ก็จะได้กลับมารวมตัวกันโดยไม่ขาดใครไป สิ้นสุดการอคอยที่แสนยาวนาน ตั้งแต่วันแรกที่เราส่งพี่ใหญ่ของวงเข้ากรม จนถึงวันปลดประจำการของน้องเล็กสุด
น้ำตา ความภักดี และทุกวินาทีที่เราได้เติบโตมาพร้อมกับ EXO ทำให้คำถามหนึ่งดังขึ้นมาในใจของเรา ‘หรือว่าตลอดไปจะมีจริงนะ?’ อาจเพราะเราคิดภาพอนาคตที่ไม่ได้รักเขาไม่ออก คิดภาพอนาคตที่ไม่ได้ฟังเพลงเขาไม่ได้ คำว่าตลอดไปที่ดูจะไม่มีจริงเลยน่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ เพียงเพราะเราอยากให้เขาเดินอยู่บนเส้นทางของศิลปินไปให้นานที่สุด
แม้วันนี้จะมีวงใหม่มากมายให้เราได้ชื่นชม แม้วันนี้หลายคนจะไม่ได้ติดตามเขาทุกวันดั่งวันวาน แต่ทุกครั้งที่ได้พูดว่าเราเป็น EXO-L ได้บอกใครต่อใครว่าเราชอบ EXO ได้ยิ้มเมื่อฟังเพลงเขา ภูมิใจเมื่อเห็นเขายืนอยู่บนเวที ยินดีที่เขาโลดแล่นในเส้นทางงานเดี่ยวที่ตั้งใจทำ และยังเฝ้ารอทุกครั้งที่เขาจะคัมแบ็ก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
With EXO
อ้างอิงจาก