หมายเหตุ : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
นับตั้งแต่สร้างผลงานภาพยนตร์อนิเมะด้วยตัวคนเดียว จนถึงวันที่ภาพยนตร์ของเขากลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในบ้านเกิด ณ ตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ชินไค มาโคโตะ กลายเป็นผู้กำกับอนิเมชั่นที่คนทั้งโลกต่างจับตามอง และหลายๆ คนก็คาดหวังว่าผู้กำกับรายนี้จะสร้างผลงานที่สามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดนิยมอย่างรางวัลออสการ์ได้
ในปีค.ศ. 2019 นี้ ชินไค มาโคโตะ ได้ปล่อยภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่คออนิเมะทั่วโลกรอคอยอย่าง ‘Weathering With You’ ที่ยังมีปัจจัยที่พร้อมดึงเงินคนดู อย่างภาพที่ยังสวยเหมือนเดิม เรื่องราวที่แฟนตาซี แต่ก็มีพื้นเพอยู่ในความจริง แต่นอกจากจุดเด่นที่สัมผัสได้โดยง่ายแล้ว เราคิดว่าผลงานของ ชินไค ยังมีลายเซ็นที่ชัดเจนในงานของตัวเอกอีกหลายข้อ
ฟ้า และ ดาว
หลายท่านที่รับชมผลงานที่ชินไคเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ หรือ เป็นผู้กำกับศิลป์ของภาพยนตร์ อาจจะคิดถึงฉากที่สวยงาม แต่ถ้าถามว่า หากเขาเป็นแค่อนิเมเตอร์ที่เขียนภาพตามแบบรูปถ่ายจากสถานที่จริงเฉยๆ มันคงไม่มีอะไรน่าจดจำนัก เพราะศิลปินที่มีความสามารถมากพอก็ทำเช่นนั้นได้ แต่ยังมีอีกส่วนที่เขาทำได้โดดเด่นกว่าคนอื่น จนกลายเป็นอัตลักษณ์ประจำตัว นั่นคือการเล่นกับ ‘ท้องฟ้า’
นับตั้งแต่ที่ชินไคเริ่มทำงานของตัวเอง เขาใช้ท้องฟ้าช่วยขับให้ฉากหลังที่สมจริงเด่นขึ้น ทั้งยังใช้บอกเล่าสถานการณ์อะไรบางอย่างในใจตัวละครในเรื่อง
ทั้งงานอนิเมะสั้น ‘She And Her Cat’ แม้ว่าหนังขาวดำเรื่องนี้มีความยาวไม่ถึงห้านาที แต่ผู้กำกับคนดังก็ทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าหน้าร้อนมาถึงแล้วด้วยการใส่ภาพลมแรงพัดผ่านก้อนเมฆที่ดูเกินจริง หรืออย่างฟ้าหม่นครื้มฝนของ ‘Garden Of Words’ ช่วยเล่าว่าตัวละครหลักนั้นมีความในใจที่ไม่อาจเอ่ย แต่ในทางกลับกันเมฆคิวมูโลนิมบัสที่เต็มไปด้วยหยดน้ำจำนวนมหาศาลใน ‘Weathering With You’ นั้นดูน่าเกรงขามกว่าแต่ก็มีความสดใสซ่อนอยู่
แล้วถ้าจำเป็นต้องเล่าเรื่องในช่วงกลางคืน หรือ ห้วงอวกาศล่ะ ? ส่วนนี้เองที่ ‘ดวงดาว’ เข้ามามีจุดเด่นในผลงานของชินไค เขาใช้มันบอกเล่าอารมณ์หลากหลายได้ไม่แพ้กัน
ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนในเกาะตอนใต้ของญี่ปุ่นจาก ‘5 Centimeters Per Second’ ที่เหมือนจะมีประกายที่ชื่อว่าความหวังส่องแสงจากบนฟากฟ้า แสงดาวจากดินแดนอันไกลโพ้นที่เรียกว่าโลกใน ‘Voices Of A Distant Star’ ที่แม้จะเป็นแสงเกินจริงแต่ก็ทำให้เข้าใจว่าตัวเอกทั้งสองคนลาจากกันไกลมากแล้วขนาดไหน หรือ เมื่อยาวที่ดวงดาวร่วงหล่นใส่โลกกันแบบจังๆ ใน ‘Your Name’
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น บวกกับฝีมือของตัวผู้กำกับก็เพิ่มขึ้น เขาก็สามารถใช้เทคนิคผสมสีสันฉูดฉาดเกินจริงเพื่อขับให้ท้องฟ้ากับดวงดาวในแต่ละเรื่องโดดเด่นขึ้นอีก และจุดเด่นนี้จึงกลายเป็นลายเซ็นสำคัญของชินไคที่ยากจะหาคนทำตามได้
แสง และ เงา
อีกสิ่งที่ทำให้ฉากหลังในผลงานอนิเมะของชินไคสวยงาม แต่ในขณะเดียวกันมันอยู่บนฉากหน้าของงานทุกเรื่อง โดยเฉพาะงานที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับศิลป์ด้วย สิ่งนั้นก็คือการเล่นกับแสงและเงา
การละเล่นกับแสงและเงาของชินไคมีทั้งอันที่เห็นแบบง่ายๆ จนมีคนหยิบมาแซวอยู่บ่อยครั้งก็คือการเล่นแสงแฟลร์ที่อยู่ในหนังของเขาเกือบจะทุกเรื่อง แล้วก็มีอันที่อาจจะมองผ่านไปง่ายๆ แต่ก็เห็นได้เกือบทุกเรื่องอย่างการที่วัตถุเคลื่อนไหวจนแสงที่ตกกระทบนั้นเปลี่ยนแปลงไปและทำให้เกิดเงาขึ้นมา อย่างที่เห็นชัดๆ ก็คงเป็นฉากที่ตัวละครเอกนั่งรถไฟแล้วเราจะเห็นว่าเงาของหน้าต่างจะขยับไปตามจุดกำเนิดแสง
และเมื่องานพัฒนามากขึ้นชินไคก็ปรับลูกเล่นการเล่นแสงให้เพิ่มขึ้นไปอีก อย่างใน ‘Garden Of Words’ ที่ปรับให้แสงที่อยู่ล้อมรอบตัวละครสอดคล้องกับพื้นที่รอบข้างมากกว่างานก่อนหน้า ส่วนใน ‘Weathering With You’ นั้น เล่นกับการตกกระทบของแสงกับของเหลวมากกว่าที่เขาเคยทำมา
ส่วนเรื่องการใช้เงานั้นหลายครั้ง ชินไคก็มักจะสร้างจุดกำเนิดแสงให้ผิดจากหลักความผิดจริง เพื่อให้แสงและเงากระทบตกลงบนตัวละคร บางครั้งอาจจะเพื่อให้ภาพของฉากดังกล่าวดูโดดเด่น แต่หลายครั้งเป็นความตั้งใจสาดเงาเพื่อสร้างอารมณ์ของตัวละครให้ชัดเจนขึ้น
แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่อาวุธที่โดดเด่น แต่ก็ถือว่าเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ ภาพยนตร์อนิเมะของชินไคมีความปัจเจก ไม่ว่าเรื่องราวในหนังจะเป็นแบบไหนก็ตาม
ภาพ และ เพลง
อีกส่วนที่กลายเป็นลายเซ็นประจำตัวในการกำกับภาพยนตร์ของชินไคโดยเฉพาะผลงานในช่วงหลังๆ จะมีสักฉากหนึ่งที่เขาตั้งใจปล่อยภาพให้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับเสียงเพลง เหมือนกับทำมิวสิควิดีโอออกมา
ความจริงแล้วผู้กำกับอนิเมะชื่อดังก็ใช้เทคนิคลักษณะนี้มาตั้งแต่การทำงานกับ เท็นมง (Tenmon) นักแต่งเพลงที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยที่ชินไคทำงานอยู่บริษัทเกม Falcom เพียงแค่ว่าผลงานอื่นๆ ก่อน ‘5 Centimeters Per Second’ นั้น ฉากที่ทำเหมือน MV จะถูกผลักให้อยู่ในช่วงท้ายเรื่องก่อนเครดิตจะขึ้น
แต่เมื่อชินไคเริ่มใช้งานเพลงกับภาพจนได้ผลแล้ว ตอนแรกๆ เขาก็หยิบเอาเพลงดังในอดีตที่มีเนื้อหาเข้ากับภาพมาใช้งานก่อน อย่างเพลง One More Time, One More Chance นั้นออกวางแผงตั้งแต่ปีค.ศ. 1997 ส่วนเพลง Rain ที่ปรากฏในหนัง ‘Garden Of Words’ ก็เป็นการนำเพลงของ โอเอะ เซ็นริ (Oe Senri) ที่วางแผงในปีค.ศ. 1988 มาร้องใหม่
และสูตรนี้ของ ชินไค ก็ให้ผลดีมากๆ เมื่อเขาให้วง Radwimps มาทำหน้าที่ทั้งแต่งเพลงประกอบและร้องเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ ‘Your Name’ ทำให้จังหวะของภาพนั้นลื่นไหลไปกับท่วงทำนองยิ่งกว่าที่เคย
แน่นอนว่าสูตรนี้ยังคงนำมาใช้ในภาพยนตร์ ‘Weathering With You’ และเราคาดหวังว่าชินไคจะเลือกจังหวะจะโคนที่โดนใจคนดูได้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เขาทำได้ในตอนนี้
เวลา และ ระยะห่าง
แม้ว่าบทภาพยนตร์ของชินไค จะมีอะไรที่ทำให้เกิดข้อสงสัยในการกระทำของตัวละครอยู่บ้าง แต่ผลงานของเขานั้นยังมีจุดแข็งที่ชัดเจนอยู่ คือ เวลา และ ระยะห่าง ที่ตัวละครเอกภาพยนตร์แทบจะทุกเรื่องของชินไคนั้นมักจะต้องพบเจอปัญหาที่มีเรื่องราวของสองสิ่งดังกล่าวมาเกี่ยวพันอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการเอาปริภูมิ-เวลา มาหยอกเย้ากับเรื่องของคนรักที่ต้องห่างไกลกันมาเป็นกำแพงเล่าเรื่อง ใน ‘Voices Of A Distant Star’ การมีโลกคู่ขนานเป็นระยะห่าง กับเวลาที่ผ่านไปสามปี ใน ‘Promised In Our Early Days’ ความรักของเพื่อนสมัยเด็กที่ค่อยๆ ห่างกันเพราะที่อยู่อันแสนไกลกับเวลาที่พ้นผ่านใน ‘5 Centimeters Per Second’ หรือการเล่นกับการข้ามเวลาและบ้านที่อยู่ไกลกันระดับติดต่อด้วยมือถือไม่ได้ของตัวเอกทั้งสองคนของ ‘Your Name’
ด้วยการวางทั้งสองสิ่งนี้เอาไว้ในหนังของตัวเองแบบนี้ ทำให้คนดูบางคนที่อาจจะไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่ชินไคอยากนำเสนอ ยังสามารถ ‘รู้สึก’ ได้ถึงปัญหาที่ตัวละครต่างๆ ต้องเผชิญหน้าและคอยติดตามการเดินทางของภาพยนตร์ไปจนถึงฉากจบ
ความรัก และ ความเข้าใจ
อีกส่วนของเนื้อเรื่องที่ถือว่าเป็นอาวุธสำคัญที่เห็นได้ในผลงานของชินไคคือ ความรัก และ ความเข้าใจ
เรื่องราวความรักนั้นถือว่าไม่ใช่อะไรที่ชวนแปลกใจนัก เพราะสื่อบันเทิงใดที่มีประเด็นความรักอยู่ในเรื่องมักจะดึงดูดใจคนดูได้ง่าย และเรื่องรักในหนังของชินไคก็มักจะมีอุปสรรคอะไรหลายอย่างที่ชวนให้ติดตามอยู่แล้ว
ซึ่ง ‘ความรัก’ มักจะอยู่เป็นจุดเริ่มต้นในการผจญภัย แต่สิ่งที่รออยู่ในฉากจบภาพยนตร์ของชินไคนั้น ก็ไม่ได้จำเป็นต้องลงเอยด้วยรักที่สมหวังหรือ โลกที่สงบสุขเสมอไป ความจริงแล้วต้องบอกว่า หลายครั้งฉากจบที่ชินไคมอบให้ผู้ชมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรักที่ไม่สมหวัง แต่ไม่ใช่เรื่องนั้นจะไม่นำพาอะไรกลับมาเลย เพราะอย่างน้อยในหนังเหล่านั้น ตัวละครในเรื่องมักจะได้ ‘ความเข้าใจ’ ติดตัวกลับไป
ความเข้าใจนี้ อาจจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป อย่างการยอมรับว่ารักของพวกเขานั้นเป็นแค่อดีตไปแล้ว ใน ‘5 Centimeters Per Second’ หรือ ‘Voices Of A Distant Star’ หรือการเข้าใจว่าความรู้สึกที่มีสื่อถึงกันนั้นยังคงอยู่ แต่ก็ต้องน้อมรับความเป็นไปที่เกิดขึ้นในชีวิต อย่างใน ‘Garden Of Words’ หรือ ‘Children Who Chase Lost Voices’
และที่สำคัญที่สุด คือการเข้าใจว่าตัวของตัวเองไล่ตามอะไรอยู่ และได้ลองพยายามทำจนสุดกำลังแล้วหรือยัง เพราะถ้าทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว บางครั้งการลงเอยแบบ Happy Ending ก็เกิดขึ้นได้ อย่างที่เห็นในภาพยนตร์ ‘Your Name’